รีเซต

นายกฯเปิด รพ.สนามครบวงจรบริษัท ปตท. แจงที่ผ่านมาปรับการทำงานตามสถานการณ์

นายกฯเปิด รพ.สนามครบวงจรบริษัท ปตท. แจงที่ผ่านมาปรับการทำงานตามสถานการณ์
มติชน
11 สิงหาคม 2564 ( 11:53 )
48
นายกฯเปิด รพ.สนามครบวงจรบริษัท ปตท. แจงที่ผ่านมาปรับการทำงานตามสถานการณ์

‘บิ๊กตู่’ เปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และ รพ.สนามครบวงจรของบริษัท ปตท. แจงที่ผ่านมาปรับการทำงานตามสถานการณ์ ชี้ ยอดผู้รักษาหายใกล้เคียงหรือมากกว่าผู้ติดเชื้อในบางวัน แสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการทำงานเริ่มดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้

 

 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน พร้อมผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ยินดีที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ที่ได้มีการประสานงานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและพันธมิตรทางการแพทย์ ซึ่งรัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกมาตรการเพื่อรับมือกับแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย โดยมีการทำงานและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการตรวจเชิงรุกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง คัดกรองเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้รวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การเปิดช่องทางการเข้าถึงการรักษา การกำหนดแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน รวมทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามต่างๆ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลสนามให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงให้มากขึ้น

 

 

“ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณในความร่วมมือของภาคเอกชนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขอขอบคุณและชื่นชมบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่ได้สนับสนุนงบประมาณ รวมถึงนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการคิดค้นอุปกรณ์และวัสดุเพื่อช่วยเหลือการทำงานของบุคคลากรทางการแพทย์ และสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือสังคมด้านต่างๆร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ในการจัดตั้งโครงการลมหายใจเดียวกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีช่องทางการเข้ารับการรักษามากยิ่งขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ขอกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เราได้พยายามจะทำวิกฤตเหล่านั้นให้เป็นโอกาสของเรา เพราะเราให้ความสำคัญทั้งสองด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเรื่องความปลอดภัยของประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสุขภาพ 3 อย่างต้องเดินไปด้วยกัน เรามีลมหายใจเดียวกันเพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน เพราะฉะนั้นช่วงเวลาวิกฤตนี้เราจะได้เห็นถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ เจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน ธุรกิจต่างๆ เข้ามาระดมสรรพกำลังในการช่วยรัฐบาล ซึ่งต้องกราบเรียนให้ทราบว่ารัฐบาลได้มีการทำงานในเรื่องนี้เป็นแผนงานมาโดยตลอด มีทั้งแผนงานหลัก แผนงานรอง และแผนเผชิญเหตุตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตามช่วงเวลาที่ผ่านมา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ เริ่มต้นตั้งแต่การใช้ระบบสาธารณสุขปกติ เมื่อสถานการณ์มีการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้นก็ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.เพื่อบูรณาการและใช้ทรัพยากร บุคคลากร ที่เรามีอยู่ ทั้งตำรวจ พลเรือน ทหาร ช่วยกันดูแล

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการรักษาพยาบาลวันนี้ อยากเรียนว่าระยะแรกๆ เราไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ระยะต่อไปเนื่องจากการแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีการปรับแผนในเรื่องของการดูแลประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ ไม่ว่าจะเรื่องการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ระยะแรกเป็นโรงพยาบาลสนามสีเขียว เพื่อแบ่งเบาภาระในการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลหลัก ซึ่งมีปัญหาในเรื่องเตียง วันนี้รัฐบาลปรับตามสถานการณ์ได้มีการพัฒนาโรงพยาบาลสีเขียวให้เป็นโรงพยาบาลสีเหลือง จากนั้นไปสู่โรงพยาบาลสีแดงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถมากยิ่งขึ้น

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่เราเห็นวันนี้ประกอบไปกับเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งทยอยดำเนินการไปตามจำนวนวัคซีนที่เราได้รับมา ขณะเดียวกันสิ่งที่น่ายินดีคือยอดผู้รักษาหายใกล้เคียงหรือมากกว่าผู้ติดเชื้อในบางวัน แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเราเริ่มจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ฉะนั้นการทำโรงพยาบาลสนามครบวงจรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวข้องหลายอย่างด้วยกัน ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ ร่วมใจ ความเสียสละของบุคคลากรทุกคนที่ร่วมมือในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามครบวงจรในวันนี้ และหวังอย่างยิ่งจะเป็นแบบอย่างให้ในพื้นที่อื่นๆ ด้วย ในอนาคตอันใกล้นี้ก็คงจะต้องไปนำสู่หลายๆพื้นที่ด้วยกันถ้าเป็นไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือภาคเอกชนและภาคธุรกิจอื่นๆซึ่งพร้อมที่จะช่วยเหลือรัฐบาลและประชาชน ก็น่าจะเอาแบบอย่างตรงนี้ช่วยกันไปพัฒนาในพื้นที่อื่นๆอีกต่อไป

 

 

“คิดว่าน้ำใจเรามีให้กันเสมอมา เราน่าจะสามารถทำได้ เพราะเรามีลมหายใจเดียวกัน คือการช่วยเหลือประชาชน และการเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยให้มีช่องทางการเข้ารักษาพยาบาลให้มากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณอีกครั้งในน้ำใจและไมตรีที่ท่านมีให้กับรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะเป็นบุญกุศลให้แก่ท่านในอนาคต กับครอบครัว กับการงาน กับสุขภาพที่ดีของท่านทุกทน รวมความไปถึงประชาชนทั่วไปที่ได้รับประโยชน์จากการดูแลในลักษณะเช่นนี้ต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการดำเนินการของเราในเรื่องนี้คงไม่มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่โควิดยังไม่หมดจากโลกใบนี้ หรือจากประเทศไทย เราจะอยู่กับเขาได้อย่างไรในอนาคตอันใกล้และอันไกล คือหลังจากโรคโควิดได้สิ้นสุดลงไปแล้ว คาดการณ์แล้วยังคงใช้เวลานานอีกพอสมควร ทุกประเทศมีความเดือดร้อนเหมือนกัน เช่นเดียวกัน

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การรวมพลังของเราเช่นนี้ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ตนคิดว่าจะทำให้ประเทศไทยนั้นอยู่รอด ประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ในโลกยุคนิวนอร์มอลซึ่งจะต้องมีการเติบโตในทุกสาขา ในทุกอาชีพ ทุกกลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มประชาชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิดเข้ามาก็ตาม เราก็คงต้องดำเนินการในระหว่างนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ประเทศไทยยุคใหม่ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง