เปิดสาเหตุ “ไต้หวัน” เสียหายหนัก เพราะประเมินพายุต่ำ แม้ “รากาซา” สลายตัวแต่เมืองยังจมโคลน

หลู่ จิงเฉียน รองศาสตราจารย์จากบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยตำรวจกลาง นักวิเคราะห์ในกรุงไทเป เปิดเผยว่า ช่องว่างในการทำความเข้าใจ ว่าเหตุภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างไร อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่ความล่าช้าในการอพยพประชาชนบริเวณชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน หลังจากเกิดฝนตกหนักจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” 

โดยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ทะเลสาบบนภูเขาในเขตฮวาเหลียนของไต้หวัน เอ่อล้นออกมาเมื่อวันอังคารที่ 23 ก.ย. กระแสน้ำและดินโคลนมหาศาลไหลบ่าทะลักลงมายังเมืองกว่างฝู ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าทะเลสาบอาจล้น เนื่องจากติดตามข้อมูลและคำเตือนจากทางรัฐบาลอย่างใกล้ชิดก่อนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ถูกกระแสน้ำโคลนพัดพาไป เพราะเข้าใจว่าผู้คนจะต้องเก็บข้าวของและอพยพออกไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเกิดเหตุแล้ว

ประชาชนอาจจะคาดว่า การล้นทะลักของทะเลสาบจะเป็นเหมือนน้ำป่าไหลหลาก แต่พวกเขาอาจไม่คาดคิดว่าน้ำจะมีตะกอน โคลน และทรายทะลักมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงขนาดนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการล้นของทะเลสาบเช่นนี้ ทำให้ประเมินผลกระทบของภัยพิบัติต่ำเกินไป เมื่อเราใช้กรอบแนวคิดที่มีอยู่เดิมและพยายามประเมินภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น มันกลับไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

ในขณะเดียวกัน ร้านน้ำแข็งของเฉิง ถงเฉิง วัย 72 ปี ถูกทำลายโดยน้ำท่วม ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เขา เพราะพื้นที่ร้านไม่ได้ถูกรวมอยู่ในเขตอพยพด้วย

ที่ศูนย์พักพิงฉุกเฉินในโบสถ์แห่งหนึ่ง หวัง เจ๋ออัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลดามาในเขตกว่างฝู กล่าวว่า คำสั่งอพยพแบบบังคับทำให้หมู่บ้านของเขาไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งสถานการณ์ต่างออกไปในหมู่บ้านอื่น ๆ ที่ขาดความเร่งด่วนในการอพยพ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายเป็นจำนวนมาก