รีเซต

น้ำตา 'จ่าเอก' หนี 18 ปีคดีพรากผู้เยาว์ อีก 16 วันหมดอายุความ ร่ำไห้คอตกเข้าคุก

น้ำตา 'จ่าเอก' หนี 18 ปีคดีพรากผู้เยาว์ อีก 16 วันหมดอายุความ ร่ำไห้คอตกเข้าคุก
ข่าวสด
11 พฤศจิกายน 2564 ( 16:03 )
113

จับจ่าเอกทหารเรือ หนีคดีพรากด.ญ.14 นาน 18 ปี เหลือ 16 วัน หมดอายุความ ร่ำไห้เข้าตะราง รับเวรกรรมมีจริง ที่พาลูกสาวเขาหนีตามกันไป จนถูกแจ้งจับ

 

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.64 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สืบสวน1บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ธนกร พัฒนนันแก้ว รอง ผกก.สืบสวน1บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.สมภพ กองสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน1บก.สส.ภ.4 พ.ต.ต.หญิงทัศธนาวดี หิมพรหม สว.สส.ฯ พ.ต.ต.สืบวงค์ สุดหนองบัว สว.สส.ฯ ร.ต.อ.ทรงพล พรมโม้ รอง สว.ฯ ร.ต.อ.วรพรต อุติลา

 

 

ร่วมกันจับกุมตัว นายพงศธร หรือ จ่าเอก คึกฤทธิ์ อายุ 46 ปี ชาว อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลมณฑณทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี ที่ 2/2546 ลงวันที่ 26 ก.พ.46 ฐานความผิดข้อหา​ "โดยปราศจากเหตุอันควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือ ผู้ดูแล และ กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กหญิงนั้นจะยิมยอมหรือไม่ก็ตาม”

 

 

พล.ต.ต.ณัฐนนท์ เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ให้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมคดีค้างเก่า โดยในช่วงนี้เน้นย้ำในเรื่องคดีการค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับเด็กและสตรี รวมถึงคดีค้างเก่าอื่นๆ อีก โดยให้ความสำคัญในทุกเรื่อง

 

ล่าสุดจับกุมคดีกระชำเราฯ สืบเนื่องจากช่วงประมาณวันที่ 27 พ.ย.2544 ผู้ต้องหาเดิมชื่อ จ่าเอกคึกฤทธิ์ โดยในขณะนั้นสังกัด กองขนส่งฐานทัพเรือสัตหีบ รู้จักกับด.ญ.บี นามสมมติ อายุ 14 ปี อยู่บ้านใกล้กัน และคุ้นเคยกับผู้ปกครองของเด็กหญิงบี กระทั่งมีความสัมพันธ์กันเชิงชู้สาว ฝ่ายพ่อแม่เด็กหญิงบี จับได้ว่าแอบคบหากัน จึงแจ้งความดำเนินคดีทันที

 

ผบก.สส.ภ.4 กล่าวต่อว่า หลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีออกจากค่ายทหารและหนีราชการ เพราะกลัวความผิด ในข้อหาที่มีอัตราโทษรุนแรงคือพรากผู้เยาว์และกระทำชำเราฯ จึงไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อรู้ว่ามีตำรวจยังคงติดตามจับกุมตัวอยู่ตลอดเวลา ก็หลบหนีไปตามต่างจังหวัด ก่อนที่จะย้ายมาพักอาศัยตามภูมิลำเนาในจังหวัดขอนแก่น ต่อมาผู้ต้องหาเปลี่ยนชื่อเป็น นายพงศธร เพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ด้าน พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สืบสวน1บก.สส.ภ.4 กล่าวด้วยว่า ต่อมาชุดสืบสวนสืบทราบว่า ผู้ต้องหาที่หลบหนี คือนายพงศธร หรือ จ่าเอกคึกฤทธิ์ อายุ 46 ปี เป็นคนเดียวกัน ช่วงถูกออกหมายจับ อายุประมาณ 26 ปี หลบหนีการจับกุมมาพักอาศัยอยู่กับญาติๆ ที่บริเวณบ้านพักข้าราชการโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ถ.มะลิวัลย์ ต.เมือง อ.ขอนแก่น จึงดำเนินการนำหมายจับเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ โดยเหลือเวลาในคดีความจะหมดอายุความประมาณอีก 15-16 วัน

 

พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหา ก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าช่วงเกิดเหตุรับราชการยศจ่าเอก และชอบพอกับเด็กหญิงบี นามสมมติ อายุ 14ปี โดยรู้จักกับครอบครัวของเด็กเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถตกลงยอมความกันได้

 

เมื่อถูกฝ่ายผู้หญิงแจ้งความดำเนินคดี ก็เลยต้องหลบหนีไปซ่อนตัวในกรุงเทพฯ กว่า 10 ปีแล้ว ก็หนีไปตามต่างจังหวัด ก่อนจะมากบดานอยู่ที่บ้านญาติใน จ.ขอนแก่น เหลืออีกเพียง 15-16วัน ก็จะหมดอายุความ ผู้ต้องหาถึงกับร่ำไห้ ยอมรับชะตากรรมที่ได้เคยก่อไว้ โดยปัจจุบันมีครอบครัวและลูก 2 คน

จากนั้น จึงคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง