สาวประเภท2 เย้ย '5พันแค่เศษเงินหลังตู้เย็น' เข้าให้ปากคำตร. เผยสาเหตุที่โพสต์
จากกรณีดราม่าหลังเงินเยียวยา เราไม่ทิ้งกัน 5,000 บาท เข้าบัญชีเป็นวันแรก โดยมีสาวคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ NaNa KochaPorn ว่า “5 พันเข้าบัญชีแล้วค่ะ ก็แค่เศษเงินหลังตู้เย็น” จนโดนชาวเน็ตจวกยับ ก่อนออกมา “ขอโทษ ที่ทำไปแค่ประชดและรู้เท่าไม่ถึงการณ์”
ทั้งนี้ ยังพบว่า มีผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ออกมาโพสต์ว่า ได้รับเงินแล้วอีกจำนวนมากซึ่ง แต่ดูเหมือนว่า ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และบางราย ระบุว่า ตนเองกรอกข้อมูลโดยโกหกเรื่องอาชีพ ก็ได้รับเงินมาเรียบร้อยด้วยเช่นกันนั้น
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบตามภาพดังกล่าวที่ปรากฏในเฟซบุ๊ก ทราบว่าหญิงสาวรายนี้อาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต และมีการเปิดร้านเสื้อผ้า ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พบว่า ร้านเสื้อผ้าดังกล่าวปิดไม่ให้บริการ แต่พบว่าภายในร้านยังเปิดไฟและมีคนอยู่ภายใน ซึ่งพยายามเรียกดูก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวรายหนึ่งว่าสาวผู้โพสต์คนดังกล่าวที่จริงแล้วเป็นสาวประเภทสอง อีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ป่าตอง ได้ลงพื้นที่ติดตามตัวผู้โพสต์ แต่ไม่พบตัวจึงได้แจ้งกับบุคคลรู้จักให้ผู้โพสต์ มาพบเจ้าหน้าที่ที่สภ.ป่าตอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 เมษายน ผู้โพสต์เดินทางมาขอพบเจ้าหน้าที่ ที่สภ.ป่าตอง เพื่อให้ปากคำ โดยมี พ.ต.อ.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสน์ ผกก.สภ.ป่าตอง ร่วมสอบปากคำ เบื้องต้นทราบชื่อผู้โพสต์รายดังกล่าว คือ นายกชพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี เป็นสาวประเภทสอง ชาว จ.ร้อยเอ็ด และเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า
นายกชพร ให้การว่าตนเอง อาศัยอยู่ที่ภูเก็ตเป็นเวลา 2 ปีเศษ โดยก่อนหน้าเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่ง ในซอยบางลา ก่อนจะมาเปิดร้านเสื้อผ้าได้ประมาณ 3 เดือน (ประมาณเดือนมกราคม ) โดยยอมรับว่าได้รับเงินจำนวน 5,000 บาทจากโครงการ เราไม่ทิ้งกัน จริง และยอมรับว่ามีการโพสต์ตามที่ปรากฏจริง เนื่องจากที่ตนเองและเพื่อนๆได้ลงทะเบียนเข้าโครงการ แต่จากการสอบถามปรากฏว่ามีตนเองได้เงินเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อน ๆ ไม่ได้เงิน และมีการมาสอบถามว่าลงอย่างไรถึงได้ ทั้งที่เป็นเจ้าของกิจการ ทำให้ตนเองรู้สึกกดดันจึงโพสต์ข้อความดังกล่าวไปโดยไม่ยั้งคิด ก่อนเข้านอน
แต่ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นได้เกิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ทั้งนี้ ยืนยันถึงแม้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจแต่ก็ได้รับผลกระทบ จากการหยุดกิจการเพราะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเช่าร้านเดือนละ 20,000 บาท(ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ) ค่าเช่าบ้านเดือนละ 7,000 บาท ค่างวดรถ 12,500 บาท ค่าอุปโภคของน้องๆ และเด็กอ่อนอีก 1 คน วันละ 1,500 บาท และค่ามัดจำเปิดร้านเสริมสวยใหม่อีก 26,000 บาท โดยวางเงินมัดจำไปแล้ว 5,000 บาท และตนเองไม่มีประกันสังคม เนื่องจากเป็นเจ้าของกิจการ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้บันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน โดยยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดประเภทใด รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ก.คลัง) ว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่