คลังเปิดไทม์ไลน์แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทกลุ่มเปราะบางเริ่ม 25 ก.ย.นี้

คลังเปิดไทม์ไลน์แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนผ่านระบบพร้อมเพย์ เริ่ม 25 ก.ย.นี้ คาดดันจีดีพีปีนี้โตถึง 3%

#ทันหุ้น นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลัง จะเริ่มอัดฉีดเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนแก่กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และกลุ่มคนพิการ 2.1 ล้านคน ตั้งแต่วันที่25 ก.ย.นี้ คาดว่า จะทำให้จีดีพีปีนี้แตะ 3%

สำหรับการแจกเงินให้กับคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการนั้นจะวิธีการทะยอยแจก โดยในวันที่25 ก.ย.จะเริ่มแจกให้คนพิการ 2.1 ล้านคน  ส่วนคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ก็จะทยอยแจก โดยเริ่มในวันที่ 25 ก.ย. จะแจกให้กับคนถือบัตรสวัสดิการที่ลงท้ายด้ายเลข 0 , วันที่ 26  จะแจกให้กับคนที่ถือบัตรที่ลงท้ายด้วยเลข 1,2, และ 3   ,วันที่ 27 จะแจกให้คนที่ลงท้ายด้วยเลข 4,5,6 และ 7 และวันที่ 30 ก.ย.จะแจกให้กับคนที่ลงท้ายด้วยเลข 8 และ9 การทยอยแจกแบบนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจ่ายเงินเดือนในระบบธนาคาร  ซึ่งการจัดสรรให้แจกวันละ 4-5 ล้านคน เป็นระดับที่เหมาะสม

เขากล่าวว่า การแจกดังกล่าว จะจ่ายผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขหมายบัตรประชาชน  ซึ่งปัจจุบันคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนแล้ว 11 ล้านคนเศษ ดังนั้น ส่วนที่เหลือจะต้องมาผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน ,ส่วนการจ่ายให้กับคนพิการก็จ่ายตามระบบปัจจุบันที่คนพิการได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนจากรัฐอยู่แล้ว

เขากล่าวว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเร่งดำเนินการผูกบัตรประชาชนกับพร้อมเพย์ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อจะได้รับเงิน 1 หมื่นบาทจากรัฐ และสำหรับการแจกเฟสสองของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของการพัฒนาระบบ Payment Platform ซึ่งอยู่ที DGA เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะใช้วิธีการ Out source หรือจ้างใครมาทำ GEG จะต้องพิจารณาวิธีที่เหมาะสม

เขากล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องดำเนินการต่อ เพราะเป็นโครงสร้างของประเทศไทย เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในอนาคตที่จะ นำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกวิธีหนึ่ง และเป็นการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลและเมื่อระบบเสร็จคงมีการดำนเนินการในเฟสที่สองต่อไป ซึ่งเตรียมงบประมาณไว้ที่1.87 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568

เขากล่าวว่า เมื่อรัฐบาลได้ดำเนินการแจกเงินคนกลุ่มเปราะบางไปก่อนแล้ว  แรงกดดันในเรื่องการแจกเงินก็อาจลดลง รัฐบาลก็จะมีเวลาในการพัฒนาระบบ Payment มากขึ้น เพื่อแก้ความกังวลของสถาบีนการเงินที่ว่า ระบบที่เร่งทำเร็วเกินไป อาจไม่มีการทดสอบที่ดีพอจนเกิดความมั่นใจ

เขากล่าวว่า จากการแจกเงินในเฟสแรกนี้ รวมถึงเม็ดเงินจากโครงการกองทุนวายุภักษ์ 1  เชื่อว่า จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ให้สามารถแตะที่ 3 % ได้แน่นอน

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ได้คาดการณ์จีดีพีในปีนี้ว่า จะอยู่เฉลี่ยที่ 2.5 %