‘โควิด-19’ ป่วนทั้งโลก ขยาย ‘ปิดเมือง-คุมเดินทาง-ห้ามเข้าประเทศ’
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมากในโลกต้องตกอยู่ในภาวะชะงักงันในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยหลายประเทศได้ประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมการเดินทาง การปิดพรมแดน ยุติการแข่งขันกีฬา กิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ และการปิดร้านอาหารรวมถึงผับบาร์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
รัฐบาลของประเทศจำนวนมากต่างพากันประกาศมาตรการเพื่อควบคุมการเดินทางของผู้คนและเพิ่มความเข้มงวดตรวจตราบริเวณชายแดนและสนามบิน จนทำให้เมืองต่างๆ ในโลกแปรสภาพคล้ายเมืองร้าง และถนนหนทางโล่งจนน่าตกใจ
เยอรมนีประกาศใช้มาตรการควบคุมชายแดนกับฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย เดนมาร์กและลักเซมเบิร์ก โดยมีผลตั้งแต่เช้าวันที่ 16 มีนาคมนี้ ขณะที่โปรตุเกสประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับสเปน
ส่วนสาธารณรัฐเช็กก็ประกาศมาตรการปิดเมืองโดยอนุญาตเพียงให้ผู้คนไปทำงาน ซื้ออาหารและยา หรือเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในกรณีฉุกเฉิน ขณะที่การเดินทางอื่นๆ จะถูกควบคุมนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 15 จนถึงวันที่ 24 มีนาคม
ด้านฟิลิปปินส์เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ช่วยกันปิดกรุงมะนิลา ซึ่งถือเป็นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น ขณะที่เลบานอนรัฐบาลได้ออกคำสั่งปิดประเทศ เช่นเดียวกับกาตาร์ที่พึ่งมีคำสั่งห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดเข้าประเทศ เว้นแต่จะเป็นการเดินทางผ่านเพื่อเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น
ขณะที่จีนซึ่งเป็นต้นต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจนักเดินทางจากต่างชาติที่มาถึงสนามบินในกรุงปักกิ่ง หลังพบกรณีผู้เดินทางเข้าจีนติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นกว่าในประเทศติดต่อกันหลายวัน โดยนับจากนี้ไปทุกคนที่เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งจากต่างแดนจะต้องถูกนำตัวส่งสถานที่กักกันเพื่อจำกัดบริเวณเป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมเป็นต้นไป
แม้แต่การดำเนินกิจกรรมทางศาสนาก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบเช่นกัน ล่าสุดวาติกันเพิ่งประกาศว่า การทำกิจกรรมต่างๆ ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟานซิสในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ ก็ทำขึ้นโดยไม่อนุญาตให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วม เช่นเดียวกับมัสยิดอัลอักซอ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าเยรูซาเลม ที่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลามก็ประกาศปิดทำการอย่างไม่มีกำหนด