สถานีคิดเลขที่12 : ‘เจน’รุ่นใหญ่
ทําไม การนัดฟังคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่บ้านหลวง จึงกลายเป็นข่าวใหญ่
ซึ่งหากบ้านเมืองอยู่ในภาวะปกติ
เรื่องนี้คงแทบไม่เป็นข่าว
เพราะ คงไม่มีอะไร ตื่นเต้น
แต่ด้วยปัจจุบันบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่คาดเดาไม่ได้
อะไรก็สามารถเกิดขึ้น
ภาวะความไม่แน่นอนดังกล่าว ซึ่งดำเนินไปพร้อมๆ กับ “วิกฤต” ที่บั่นเซาะหลักของประเทศลึกเข้าไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่สิ่งดี จึงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ต้องหาทางคลี่คลายวิกฤต
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยปัญหาที่ขยายใหญ่โตขึ้น ที่คิดจะปราบ จะจับกุมคุมขัง
จะหา “มหาคุก” ที่ไหน มาขัง “คนมหาศาล” ได้
ต้องคิดหาทางออกทางอื่น
พอดี บุคคลที่เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ จนมีการเรียกร้องให้ออกไป
แต่เจ้าตัวจะปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าตนเองไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่ได้ทำผิดอะไร
และถ้าผิด จะต้องเป็นการตัดสินของศาลเท่านั้น
คำพูดดังกล่าว ด้านหนึ่งแม้เป็นการ “ยืนกราน” แข็งขัน ไม่ตอบสนองการเรียกร้องให้ออก
แต่อีกด้าน คำพูดดังกล่าว ก็ไปกระตุก ต่อม “มโน” ของหลายคนเข้า
ซึ่งมันก็มีที่มา มิใช่ไม่มีที่มาเสียเลย
นั่นก็คือ การออกโรง “วิพากษ์” พล.อ.ประยุทธ์ ของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
ถือเป็นการวิพากษ์ ของ “กลุ่มคนชั้นบน” ด้วยกันเอง ที่ถือว่าตรงไปตรงมายิ่ง
ที่สำคัญ ยังเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ “เจนผู้ใหญ่” ใกล้เคียงกับนายอานันท์ ให้พูดคุย “ภาษาเดียวกัน” กับ “เจนรุ่นใหม่” จึงจะนำไปสู่การแก้ไขอันแท้จริง
ท่าทีของนายอานันท์ เช่นนี้ ทำให้เริ่มมีการมองว่า บางส่วนในส่วนบน หรือในเจนผู้ใหญ่ เริ่มมองปัญหาที่แตกต่างกัน
มิได้รวมศูนย์ หรือผูกขาดไว้เฉพาะกลุ่มนายทหารที่เข้ามายึดอำนาจและพยายามสืบทอดอำนาจออกไป เท่านั้นหรือไม่
และความเห็นต่างนี้ ก็เริ่มปรากฏให้เห็น พร้อมทั้งมีแรงกดดันไปยังฝ่ายที่กุมอำนาจมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อฝ่ายสภา โดย นายชวน หลีกภัย เปิดประตูให้คนระดับบน ภายใต้หมวก “อดีตนายกรัฐมนตรี” 4 คน ซึ่งมี นายอานันท์ด้วย และยังจะบวกรวมไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เข้ามามีส่วนในการแก้วิกฤต ในนามคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ
ซึ่งแม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามาในบทบาทไหน กรรมการโดยตรง หรือเพียงแค่ที่ปรึกษา
แต่กระนั้น เชื่อว่ามีบทบาทในการชี้นำการแก้ปัญหาแน่นอน
ถามว่าแล้วจะเป็นผลบวก หรือผลลบ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์
คงเร็วเกินไปที่จะตอบ
แต่เมื่อวัดจากปฏิกิริยาของคนในพลังประชารัฐ ที่ออกมาถล่มกลุ่มบุคคลที่มีชื่อจะเข้ามาร่วม โดยเฉพาะ 4 อดีตนายกฯอย่างรุนแรง
ก็คงเป็นมาตรวัดได้อย่างดีว่า ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ประเมินผลเรื่องนี้ไปด้านไหน
ไม่ใช่ ด้านบวกแน่ๆ
ดังนั้น การคาดหวังของฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่า จะมี “การสามัคคีส่วนบน” เพื่อบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม
ตอนนี้ อาจไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว
และคงต้องคิดไกลไปด้วยว่า นอกจากส่วนบนไม่สามัคคีแล้ว
บางส่วนอาจเห็นว่าควรถอดสลัก เอาคนที่มีปัญหาบางคนออกไป เพื่อที่จะรักษาเสาหลักใหญ่เอาไว้ก็ได้
หมายถึง “บางคน” อาจต้องเสียสละ
นี่เอง ถึงได้บอกในตอนต้นว่า ทำไมการนัดฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีบ้านหลวง จึงเป็นข่าวใหญ่
และไปกระตุกต่อม มโน ของหลายคนเข้า
แต่นั่นแหละ โอกาสที่จะเกิดเช่นนั้น มีน้อยมาก
ระดับบนคงไม่ “หักดิบ” ขนาดนั้น
แต่การที่ “เจนอานันท์” โน้มเข้าหา “เจนรุ่นใหม่”
รวมถึงการมองทางออกอื่น อย่างที่นายชวนพึ่ง “เจนใหญ่” ตอนนี้
ก็เป็นสัญญาณให้บางคนเริ่มคิด
“สามัคคีบน” ยังเหนียวแน่นสำหรับตนเองอยู่หรือไม่
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร