‘โกลเบล็ก’ ชี้หุ้นไทยเจอสารพัดปัจจัยรุมต่อเนื่อง ดัชนีจ่อร่วงไม่เลิก ให้กรอบเคลื่อนไหว 1,310 - 1,370 จุด
‘โกลเบล็ก’ ชี้หุ้นไทยเจอสารพัดปัจจัยรุมต่อเนื่อง ดัชนีจ่อร่วงไม่เลิก ให้กรอบเคลื่อนไหว 1,310 – 1,370 จุด
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง และกังวลเพิ่มขึ้นหากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองในประเทศไทย รวมถึงการเมืองในประเทศมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ซึ่งนักลงทุนมีความกังวลว่าจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นต่อการลงทุน และในช่วงสัปดาห์นี้กลุ่มสถาบันการเงินจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดครึ่งปี 2563 ออกมา ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ธนาคารออกมาตรการช่วยลูกหนี้ตามแนวนโยบายของธปท.ในการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 2 ครั้งในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม และพักชำระหนี้ ยืดหนี้ให้กับลูกหนี้ จึงให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,310 – 1,370 จุด
นางสาววิลาสินีกล่าวว่า ปัจจัยเชิงบวกที่ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน อาทิ การทดลองวัคซีนในสหรัฐมีความคืบหน้าในทางที่ดี บริษัท Gilead Sciences Inc เปิดเผยผลการทดลองยา Remdesivir พบว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 62% ขณะที่รพ.จุฬา รายงายว่าวัคซีนโควิด-19 ที่ทดลองในลิงได้ผลดีมาก เตรียมทดสอบในมนุษย์ประมาณต.ค.-ธ.ค.63 และทางกระทรวงคมนาคมได้มีการรายงานว่าญี่ปุ่นแสดงความพอใจภาพการดำเนินนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของไทยที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง และรัฐบาลไทยยืนยันว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงการต่างๆ ภายในปี 2568 ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นต่อภาครัฐและนักลงทุนของญี่ปุ่น และเอื้อต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้นรวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากคาดการณ์ในเดือน มิ.ย. 63 เนื่องจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง แม้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 จะหดตัวที่ระดับ 7.9 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปี 2562
“ยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ อาทิ การประชุมครม. จีนเปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย. และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในเดือนมิ.ย. และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประชุมและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนสหรัฐก็จะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ดัชนีการผลิตเดือนก.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.” นางสาววิลาสินีกล่าว
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ได้ประเมินกลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้น Defensive Stock เช่น ADVANC, INTUCH, DIF, TTW, BEM, BTS, CHG และ BCH รวมทั้งหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี เช่น WICE, TASCO และ CPF หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” เช่น ERW, CENTEL, BA และ ASAP สำหรับทิศทางราคาทองคำ ประเมินว่า สัปดาห์นี้ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของกองทุน SPDR และความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 สำหรับผู้ที่มีสถานะให้ถือสถานะที่มีเพื่อรันเทรน ส่วนผู้ที่รอซื้อเน้นซื้อจังหวะย่อตัว เราคาดกรอบราคาทองคำที่ 1,770 -1,830 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย ประมาณ 26,130-27,100 บาทต่อบาททองคำ