เอกชนตั้งความหวังทีมศก.ใหม่2แม่ทัพ ‘สุพัฒนพงษ์-ปรีดี’
เอกชนตั้งความหวังทีมศก.ใหม่2แม่ทัพ - เผยรายชื่อมาท่ามกลางความคาดหวังที่เศรษฐกิจไทยน่าจะกระเตื้องขึ้นบ้าง จาก 2 แม่ทัพเศรษฐกิจคนใหม่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
‘นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์’ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน กับ ‘นายปรีดี ดาวฉาย’ รมว.คลัง ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ เข้าร่วมครม.ชุดใหม่
โดยเฉพาะผู้คนในแวดวงธุรกิจคุ้นชื่อคุ้นหน้าทั้ง 2 คนนี้ดี เนื่องจากโลดแล่นในยุทธจักรมานาน ทั้งได้รับการยอมรับว่าเป็นระดับ ‘กระบี่ มือ 1’ เช่นกัน
นายสุพัฒนพงษ์ เป็นกรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรรมการและกรรมการกำกับดูแลกิจการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ก่อนหน้านี้เป็นประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ส่วนนายปรีดี ฝีไม้ลายมือด้านการเงิน ไม่ธรรมดา เคยผ่านการแก้ปัญหาในช่วงต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 มาแล้ว กระทั่งก้าวขึ้นเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย
รวมทั้งได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมธนาคารไทย
จากประสบการณ์ทำงานและตำแหน่งในครม. ที่ได้รับนับถือว่า ‘ถูกฝาถูกตัว’ มากๆ
ภาคเอกชนที่ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ เห็นอย่างไรกับการมาร่วมรัฐนาวาของนายสุพัฒนพงษ์ และนายปรีดี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าหลังประกาศรายชื่อของทั้ง 2 คน เชื่อว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนได้ เนื่องจากทั้งสองท่านเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางตรงกับตำแหน่งหน้าที่ได้รับ มอบหมาย
ที่สำคัญมีประสบการณ์การทำงานในภาคเอกชนมาก่อน จึงเชื่อว่าจะเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนอยู่ในขณะนี้
“สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ดำเนินการทันที คือการตั้งคณะทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ เหมือนกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือศบค. ที่มีหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วม เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาปากท้องประชาชน และการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อการแต่งตั้งรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น
รัฐมนตรีและรองนายกฯ ที่เข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้มีประสบการณ์ เคยทำธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม และยังเคยทำธุรกิจที่ตรงกับตำแหน่งที่ท่านได้เข้ามาทำหน้าที่ ตรงนี้ช่วยเรื่องความชัดเจนและเรื่องความมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถบริหารงานต่อไปได้
ประกอบกับการที่มีการแต่งตั้ง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ จะทำให้เห็นว่าทีมที่เข้ามาเป็นทีมที่ช่วยสร้างความมั่นใจและไว้ใจมาโดยตลอด
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการและกรรมการ ผู้จัดการบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจของครม.ชุดใหม่ ในภาพรวมดูดี เนื่องจากนายปรีดี รมว.คลัง เคยเป็นประธานสมาคมธนาคารไทย มาก่อน จึงคุ้นเคยกันในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อยู่แล้ว มีความเข้าใจกับภาคธุรกิจและเอกชนดี
เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจและนักลงทุน เพราะมีผลงานเป็นที่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันน่าจะทำงานร่วมกันได้ดีกับผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ซึ่งมองแล้วจะเป็นทิศทางที่ดีเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงินและการคลัง
สำหรับรมว.พลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ เป็นบุคคลที่มาจากสายตรงด้านพลังงานน่าจะทำงานในตำแหน่งนี้ได้จึงไม่น่าจะมีปัญหา
แต่ต้องยอมรับว่าในสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ดูแล้วหนักใจ และทีมเศรษฐกิจไม่ว่าใครจะมา มีการบ้านหนัก รออยู่ นโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การช่วยเหลือเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการ ที่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยเฉพาะเงินกู้ซอฟท์โลนที่ส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง ไม่อย่างนั้นแนวโน้มการตกงานจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคการผลิต
ขณะที่ น.ส.ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ไม่ได้รู้จักและสัมผัส การ ทำงานของ นายปรีดี รมว.คลัง คนใหม่ ต้องให้เข้ามาทำงานก่อนถึงจะรู้ว่าจะเดินหน้าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไร
ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจต้องดูก่อนว่า รมว.คลังคนนี้จะยังใช้การท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ หากยังเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว อยากให้เข้ามาช่วยพยุงธุรกิจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้ จนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะมีทางออก หรือควบคุมได้
อยากให้รมว.คลัง คนใหม่เข้ามาดูแลอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ให้พยุงรายจ่าย พยุงธุรกิจ และรักษาบุคลากร คนทำงานให้มีรายได้อยู่ต่อไป เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ใช่มีเพียงโรงแรม ยังมี บริษัททัวร์ รถเช่า ขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เป็นต้น
รวมแล้วในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มีการจ้างงานมากกว่า 4 ล้านคน ภายในปีนี้ หากรัฐบาล หรือกระทรวงการคลังไม่ช่วยเหลือ ต้องปลดคนงานแน่นอน 2.5 ล้านคน และมีหลายธุรกิจ ต้องปิดตัวถาวร
“อยากให้รัฐมนตรีคลังช่วยเหลือเรื่องรายจ่ายที่ยังเดินหน้า หนี้สินที่ยังต้องชำระ แม้จะมีการให้กู้เพิ่มธุรกิจ ท่องเที่ยว หากไม่มีคนมาเที่ยว ไม่รู้จะกู้เงินมาเป็นหนี้เพิ่มทำไม ดังนั้นอยากให้ทีมเศรษฐกิจ หันมาช่วยพยุงธุรกิจ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้เมื่อมีนัก ท่องเที่ยวกลับมา”
ส่วน น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่ามีความคาดหวังว่าครม.ชุดนี้จะลงมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็ดเงินที่ภาครัฐต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นยังไม่ลงไปหมุนเวียนเท่าที่ควร
เช่น การแจกเงินให้ประชาชนรายละ 15,000 บาท และเมื่อเงินในส่วนนี้หมดไปประชาชน ก็ไม่มีรายได้ หรือรายได้ก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้น และการตกงานก็ยังมีเพิ่มขึ้นๆ ส่วนการ ส่งออกก็ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
รมว.คลัง ควรเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับผู้ส่งออก เพราะที่ผ่านมาก็รับทราบปัญหาของภาคเอกชนมาตลอดในฐานะที่เคยอยู่ในภาคเอกชนมาก่อน ก็หวังว่าจะลงมือทำงานได้เลย ส่วนรมว.พลังงานก็ต้องลงมือสานต่อนโยบายต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อให้ทุกพื้นที่มีไฟฟ้าใช้และเพียงพอ
รองรับการเติบโตของภาคธุรกิจที่จะขยายไปสู่ชุมชนต่างๆ รวมทั้งในส่วนของระบบโลจิสติกส์ การขนส่งต่าง ระบบสาธารณูปโภคของไทยภาครัฐก็ควรสานต่อ เพื่อรองรับการค้าการลงทุนของภาคเอกชน
“ครม.เศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ต้องทำงานได้ทันทีไม่มีช่วงเวลาทดลองงานหรือฮันนีมูน เพราะประเทศไทยและทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19” น.ส.กัณญภัคกล่าว
ปิดท้ายที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าหอการค้าก็เคยงานการทำงานร่วมกันมาก่อนทั้งนายสุพัฒนพงษ์และนายปรีดี มั่นใจว่าทั้ง 2 ตำแหน่งนี้มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ
หอการค้าไทย รวมถึงคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พร้อมให้ความร่วมมือกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ในการขับเคลื่อนนโยบายเต็มที่ โดยเฉพาะนายปรีดีที่เคยเป็นกกร.มาก่อนเชื่อว่าจะร่วมมือกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน