ภาษี “ทรัมป์” สะเทือนอุตฯ ขนส่งทางเรือ

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า อุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าเผชิญกับความไม่แน่นอนมากสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้เรือขนส่งบางส่วนว่างครึ่งลำ ค่าระวางขนส่งผันผวน และเรือขนส่งสินค้าบางส่วนต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เริ่มประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อ 185 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงมาตรการภาษีสำหรับบางอุตสาหกรรม อาทิ เหล็ก อะลูมิเนียม แต่มีการยกเว้นบางส่วน ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัว และส่งผลต่อการการขนส่งสินค้าทางเรือ
“อเล็กซานเดอร์ ชาร์เพนเทียร์” ผู้เชี่ยวชาญด้านขนส่งจากบริษัทที่ปรึกษา “โรแลนด์ เบอร์เกอร์” ระบุว่า เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนประกาศมาตรการภาษี การค้าชะลอตัวลงและเรือจำนวนมากขนส่งสินค้าแค่ครึ่งหนึ่งเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งขณะนั้นอัตราค่าขนส่งลดลง และบริษัทหลายแห่งก็เก็บสต็อกสินค้าไว้
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานการณ์กลับตรงกันข้าม เพราะความต้องการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาก เพราะบริษัทพากันระบายสินค้าให้มากที่สุด ทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางเรือยังเผชิญอุปสรรคเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับเรือที่สร้างและดำเนินการโดยจีนที่เทียบท่าในสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมปีนี้
“ชาร์เพนเทียร์” มองว่า เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์อนาคต แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปได้มากที่สุด คือ เส้นทางเดินเรือบางเส้นจะชะลอตัวลง และสนับสนุนเส้นทางอื่น ๆ ในอาเซียนหรืออินเดีย แต่การปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือก็ต้องใช้เวลา
ด้าน “แอนน์-โซฟี ฟรีบูร์ก” รองประธานฝ่ายจัดการการขนส่งทางทะเลของ “เซนคาร์โก” บริษัทขนส่งสินค้าของอังกฤษ คาดว่า เส้นทางเดินเรือจีน-สหรัฐฯ จะไม่ทำกำไร ซึ่งเจ้าของเรือจะปรับเปลี่ยนการเดินเรือ โดยหันไปใช้เส้นทางใหม่ เช่น ลาตินอเมริกา ซึ่งความต้องการเพิ่มขึ้นมาสักระยะแล้ว
บริษัทขนส่งรายใหญ่ “ฮาแพค-ลอยด์ (Hapag Lloyd) ของเยอรมนี ระบุว่า การเดินเรือจากจีนลดลงอย่างมาก แต่ถูกทดแทนด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในอาเซียน