TPIPPทุนหนา2หมื่นล. เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าสะอาด
#TPIPP #ทันหุ้น - TPIPP รุกหนักพลังงานสะอาด เตรียมเงินทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขยายโรงไฟฟ้าขยะชุมชน พร้อมโรงงานพลังงานทดแทน เน้นพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Ground-Mounted) ตั้งเป้า 5 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1.6 พันเมกะวัตต์ จาก 600 เมกะวัตต์ มั่นใจศักยภาพร่วมประมูล เผยผลตอบแทนดี
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) รวม 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการของบริษัทจำนวน 2 โครงการ คือเทศบาลนครโคราช สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ และที่สงขลา ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7.92 เมกะวัตต์ และยังมีการประมูลเพิ่มอีก 33.9 เมกะวัตต์ ดังนั้นบริษัทคาดว่าจะได้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการขยะ รอบนี้
*ขยะ IRR ยังสูงกว่า12%
สำหรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าสูงสุดที่ 5.08 บาทต่อหน่วย (FiT Premium 8 ปี 0.780 บาท/หน่วย) ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราเดิมที่กำหนด ทั้งนี้มองโครงการโรงไฟฟ้าขยะยังให้อัตราผลตอบแทนที่ดี ระดับ IRR ประมาณไม่ต่ำกว่า 12% แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับค่ากำจัดขยะประกอบด้วย
ส่วนแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ที่จะมีกำลังผลิตทั้งสิ้น 9,996 เมกะวัตต์ และการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีต้นทุนอีกไม่เกิน 90 เมกะวัตต์ ช่วงปี พ.ศ. 2565 – 2573 บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลด้วย โดยจะเน้นไปที่งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โดยอัตราผลตอบแทนจากโครงการยังอยู่ในระดับที่ดี คาดว่าต้นทุนการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมกะวัตต์ จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมกะวัตต์
*ลุยโชลาร์พันเมก
ขณะเดียวกันบริษัทก็จะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการด้วย อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดสำหรับการเข้าไปประมูลราว 1,000 เมกะวัตต์ หรือ 10% จากการเปิดแผนการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนรอบนี้ อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าจะเดินหน้าในการขยายกำลังการผลิตที่เป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 440 เมกะวัตต์ บริษัทเชื่อว่าในระยะ 5 ปีสามารถขยายกลังการผลิตได้ถึงระดับ 1,600 เมกะวัตต์ และใช้เงินลงทุนราว 20,000 ล้านบาท โดยจะมาจากกระแสเงินสด และจะมีการออกหุ้นกู้เพื่อรองรับการลงทุนด้วย
“แผนพลังงานที่ออกมา จะเน้นในเรื่องของพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็มีการยื่นขอขายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าขยะ และทั้งนี้ในส่วนของพลังงานสะอาดบริษัทก็มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโซลาร์ บนพื้นดิน เพราะบริษัทมีศักยภาพในการดำเนินการ มีที่ดินรองรับการขยายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันเมกะวัตต์ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด และได้เตรียมเงินลงทุนที่จะขยายโครงการรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะ รวมไปถึงโครงการโซลาร์ด้วย ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตได้ต่อเนื่อง” นายวรวิทย์ กล่าว