รีเซต

ASPS มองถึงเวลาเข้าสะสมหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หรือยัง ชู AP-SPALI เด่น

ASPS มองถึงเวลาเข้าสะสมหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หรือยัง ชู AP-SPALI เด่น
ทันหุ้น
6 มิถุนายน 2567 ( 10:30 )
38

#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ระบุว่า แม้ช่วงสั้นการลงทุนในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ยังขาดปัจจัยเชิงบวกเข้ามากระตุ้นหลังผ่านพ้นงบไตรมาส 1/67  ที่อ่อนแอ ทำให้เพิ่ม DOWNSIDE ต่อประมาณการกำไรกลุ่มฯ (แม้มีการปรับลงของกำไรบางบริษัทแล้วก็ตาม) แต่การปรับตัวลงของราคาหุ้นหลายตัวช่วงที่ผ่านมา จนมีมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ด้วย PER ซื้อขายต่ำกว่า 6-8 เท่า และ DIV YIELD เฉลี่ยสูงเกิน 6% ต่อปี อาจสร้างโอกาสในการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวในการเริ่มเข้าสะสม

 

ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่ม โดยเลือกหุ้นเด่น คือ AP (FV@16.00) และ SPALI (FV@25.40) จากการฟื้นตัวเด่นของผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 2/67  หนุนจากเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวนมาก และส่งมอบกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ใหม่ นอกจากนี้การมีพอร์ตสินค้าหลากหลาย และส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท โดย AP มีสัดส่วนเกือบ 50% และ SPALI สัดส่วนกว่า 70% ทำให้ได้รับประโยชน์พอสมควรจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ ขณะที่โครงสร้างการแข็งแกร่งด้วย NET GEARING ต่ำกว่า 1 เท่า, PER ซื้อขายเพียง 4-6 เท่า และปันผลสูงเกือบ 8% ต่อปี

 

ท่ามกลางปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไม่ทั่วถึง, อัตราดอกเบี้ยไทยและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ความสามารถของผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ นำไปสู่อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น ไม่เฉพาะในกลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่าง ยังเริ่มลามไปถึงบ้านระดับกลางบน ส่งผลให้กำไรปกติของผู้ประกอบการ 15 รายในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ฝ่ายวิจัยรวบรวมข้อมูลงวดไตรมาส 1/67ทำได้เพียง 5.65 พันล้านบาท ลดลงในอัตราเดียวกันเฉลี่ย 34% YOY และ QOQ

 

จากภาพรวมที่ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องสภาพเศรษฐกิจไทย และสถานการณ์ตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย อาจเห็นผู้ประกอบการบางรายปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อาทิ ชะลอเปิดโครงการใหม่ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ แต่ยังจะช่วยลดปริมาณ SUPPLY และลดการแข่งขันในตลาดลงอีก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้พัฒนาบางราย เฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง AP, SPALI, SIRI, SC และ ORI  ที่ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก 

 

นอกจากนี้การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ใหม่ที่มีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมส่งมอบมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป คาดทำให้ทิศทางกำไรมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในไตรมาส 2/67 และมากขึ้นงวดครึ่งปีหลัง  โดยให้น้ำหนักของช่วงครึ่งหลังจะดีกว่าครึ่งแรก เฉพาะอย่างยิ่งไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของกลุ่มฯ นอกจากแรงหนุนเปิดโครงการใหม่ และส่งมอบคอนโดฯ ที่จะมีมากขึ้นแล้ว ยังคงคาดหวังการดำเนินงานนโยบายการเงินและการคลังที่จะเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว โดยภาครัฐน่าจะเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งในภาคอสังหาฯ ก่อนหน้านี้มีการออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนฯ-จดจำนองให้กับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ เม.ย.-ธ.ค. 2567 และคงติดตามว่าจะมีมาตรการอสังหาฯ อื่นออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เนื่องจากทางสมาคมอสังหาฯ เตรียมยื่นหนังสือแบงก์ชาติในการขอผ่อนปรน/ยกเลิกมาตรการ LTV รวมถึงขยายการถือครองสิทธิของต่างชาติในคอนโดฯ จากเดิม 49% เป็น 69% และลดขนาดที่ดินในการพัฒนาโครงการ ฯลฯ 

 

ขณะที่ฝั่งนโยบายการเงินในไทย คาดหวังจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดเป็นอีกแรงกระตุ้นต่อภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะกำลังซื้อในกลุ่มราคา 5-7 ล้านบาทลงมา น่าจะผ่อนคลายขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง