ลุงขับแท็กซี่ร้องสื่อ ถูกอู่รถเอาเปรียบทำสัญญาเช่าซื้อ ผ่อนไปแล้ว 8 แสน ส่ออดเป็นเจ้าของ
นนทบุรี ลุง ขับแท็กซี่ร้องสื่อ ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังทำสัญญาเช่า-ซื้ออยากมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่กลับถูกบีบและถูกปิดมิเตอร์ ทำให้ขับทำมาหากินไม่ได้ ย่านบางใหญ่
วันที่ 25 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายวัชระ ทองอยู่ อายุ 53 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่มานานเกือบ 3 ปี ว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเช่าซื้อรถยนต์แท็กซี่ เพื่อเอาไว้เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ หวังมีรถยนต์เป็นของตัวเอง เอาไว้ขับรถหาเช้ากินค่ำ โดยก่อนหน้า ตนได้เห็นป้ายปิดประกาศ จากท้ายรถแท็กซี่คันหนึ่งมีข้อความชวนเชื่ออ้างว่า สามารถดาว์นรถยนต์เพียง 20,000บาท หรือผ่อนค่างวดรถ ขับรายวันครบตามกำหนด ก็สามารถมีรถยนต์เเท็กซี่เป็นของตนเองได้ มาจากอู่แห่งหนึ่งย่านหมู่บ้านพระปิ่น 3 ตนจึงได้สนใจพร้อมวางดาวน์ ออกรถแท็กซี่มาขับเพื่อทำมาหากินตั้งแต่ปี2561 กระทั่งมาระยะหลังมีการระบาดของไวรัส covid-19ขึ้น ทำให้ตนมีรายได้จากการขับรถรับจ้างแท็กซี่น้อยลง จึงขอผ่อนผัน ผ่อนจ่ายค่าขับเช่าซื้อรายวัน ให้น้อยลงแต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจ หรือได้รับการช่วยเหลือจากทางอู่แท็กซี่ เลย ทางเจ้าของอู่ดังกล่าว ได้แต่พูดขู่อ้างว่าถ้าไม่ส่งค่างวดจะยึดรถคืนทันที ซึ่งตนได้ผ่อนค่างวดรถแท็กซี่ไปแล้วเกือบ 800,000 บาท ตั้งแต่ปี 2561 จนถึง ปัจจุบัน
นายวัชระ เปิดเผยต่ออีกว่า ตนเองมีอาชีพขับรถแท็กซี่ยี่ห้อ toyota อัลติส สีฟ้า ทะเบียน ทส-8399 กทม.ได้เช่าผ่อนส่งรถยนต์แท็กซี่กับ เจ๊พร เจ้าของอู่รถย่านหมู่บ้านพระปิ่น 3 อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยที่ตกลงทำสัญญาเช่า-ซื้อรถยนต์คันดังกล่าว โดยวาดฝันว่าจะมีรถยนต์แท็กซี่เป็นของตนเองในอนาคต แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อหนังสือสัญญาเช่าซื้อ-รถยนต์ ที่ทำไว้ กับตน กลับกลายเป็นเพียงผู้เช่าขับรถรายวัน ทั้งที่ได้ผ่อนส่งค่างวดรถสูงถึงวันละ 1,100 บาทหรือตก 33,000 บาทต่อเดือน และผ่อนไปแล้วกว่า 3 ปีร่วม 800,000 บาท หลังตนทราบในภายหลังว่ารถยนต์คันดังกล่าวเจ้าของรถผู้ครอบครองตัวจริงคือบริษัทไฟแนนซ์เอกชนแห่งหนึ่ง โดยต่อมาตนได้พยายามติดต่อกับเจ๊พรเจ้าของอู่แท็กซี่ให้ทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทำหนังสือสัญญาเช่า-ซื้อรถยนต์ใหม่ ให้ชัดเจนเนื่องจากตนเกรงว่าหากผ่อนค่างวดรถหมดแล้ว จะไม่ได้ครอบครองรถยนต์แท็กซี่ที่ใช้ทำมาหากินอยู่ แต่กลับถูกเจ๊เจ้าของอู่บ่ายเบี่ยงและอ้างว่าทำหนังสือสัญญาเช่า-ซื้อรถยนต์ใหม่ไม่ได้ พร้อมทั้งได้พูดจาข่มขู่หลายครั้งและมักอ้างตัวว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ถึงขนาดวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรนัดให้เข้ามาพบเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยชี้แจงกันที่สถานีตำรวจ แต่ก็ไม่ยอมเข้ามาอ้างติดธุระไม่สะดวก
วันนี้ตนจึงเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมและทราบว่ามีเพื่อนที่เป็นคนขับแท็กซี่ด้วยกันจำนวนหลายคนไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน จึงอยากฝากถึงผู้ประกอบการ หรือเจ้าของอู่แท็กซี่ว่าในการทำสัญญาการเช่า-ซื้อ หรือการเช่าขับ ก็ควรอธิบายพูดบอกให้ชัดเจนต่อคู่สัญญาและให้โปร่งใสเป็นธรรมด้วยอย่ามาเอาเปรียบกันเลย เพราะทุกวันนี้ก็ต่างหากินกันลำบากมากพออยู่แล้ว