นักธุรกิจร้องทนายดัง ถูกร่างทรงสื่อวิญญาณลูกตุ๋น 42 ล้าน โทรไปทวงอ้างป่วยโควิด
นักธุรกิจทำหลังคาร้องทนายดัง ถูกผัวเมียร่างทรงตุ๋น 42 ล้าน บอกเรียกวิญญาณลูกที่ตายให้มาได้ ซ้ำยังบอกให้เอาเงินให้ด้วย โทรไปทวงอ้างติดโควิด เลยรู้ว่าถูกหลอก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.63 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.กันย์ลภัส อายุ 51 ปี เจ้าของธุรกิจทำหลังคา พร้อมสามี เดินทางเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ประธานเครื่อข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นร่างทรง หลอกลงทุนสูญเงินกว่า 42 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารหลักฐานมามอบให้ช่วยเหลือ ดำเนินคดีกับกลุ่มร่างทรงดังกล่าว
น.ส.กันย์ลภัส กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 2559 ตนได้รู้จักน.ส.ศิริพร หรือซิ้ม อายุ 34 ปี และนายประสิทธิ์ หรือเปี๊ยก อายุ 41 ปี 2 สามีภรรยา เข้ามาทำที่ตีสนิทโดย น.ส.ศิริพร อ้างตนว่าเป็นร่างทรงของหลวงปู่เปิ้น วัดบางพระ และยังสามารถเรียกวิญญาณลูกของตนที่เสียชีวิตมาเข้าร่างได้ ซึ่งทุกครั้งที่หลวงปู่เปิ้นเข้าร่าง ตนจะได้กลิ่นหมากพลูออกมาจากตัวน.ส.ศิริพรทุกครั้ง หากครั้งไหนที่เป็นวิญญาณลูกของตนมาเข้า ก็จะพูดเป็นเสียงเด็ก จนทำให้ตนหลงเชื่อและศรัทธา
ต่อมาน.ส.ศิริพรอ้างว่าหลวงปู่เปิ้นมาเข้าร่าง ให้ตนออกเงินช่วยเหลือ 2 สามีภรรยาไปทำทุนเลี้ยงปลาเป็นเงิน 300,000 บาท หลังจากนั้นไม่นานน.ส.ศิริพรอ้างว่าวิญญาณลูกตนมาเข้าร่างให้ช่วยเหลือ ด้วยการออกเงินซื้อบ้านและรับจำนองที่ดินให้กับทั้ง 2 คน เพื่อที่ลูกตนจะได้มีที่อยู่ เป็นเงินอีกเกือบ 15 ล้านบาท หลังจากซื้อบ้านให้แล้ว จะนำโฉนดที่ดินมามอบให้กับตนไว้ แต่ตนมารู้ที่หลังว่าน.ส.ศิริพร แอบนำบ้านหลังดังกล่าวและที่ดินไปจำนองไว้กับนายหน้าคนหนึ่ง
ต่อมาทั้ง 2 คนอ้างว่าหลวงปู่เปิ้นต้องการให้ตนนำเงินไปลงทุนเปิดโรงงานซื้อเครื่องจักรกล และจะได้ผลกำไรอีกเกือบ 10 ล้านบาท โดยห้ามไม่ให้ตนมีชื่อในการเป็นเจ้าของกิจการ แต่ให้ทั้ง 2 สามีภรรยาเป็นผู้ดำเนินการแทน นอกจากนี้ ยังหลอกลงทุนในเรื่องอื่นอีกร่วมแล้วกว่า 42 ล้านบาท
น.ส.กันย์ลภัส กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อเดือนพ.ย.2563 ตนมาทราบว่าถูกหลอก เพราะโทรศัพท์ไปหาทั้ง 2 คนเพื่อสอบถามเรื่องเงินที่ยืมไปลงทุน แต่น.ส.ศิริพรบอกว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกเนื่องจากติดโควิด-19 ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในรพ. เมื่อตนสอบถามไปที่รพ.ก็ไม่มีชื่อทั้ง 2 คนติดเชื้อแต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 2 คน ที่สน.คันนายาว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางร้องเรียนกับทนายรณณรงค์ให้ช่วยเหลือ
ส่วนเรื่องที่ตนหลงเชื่อทั้ง 2 คนอย่างง่ายดาย เพราะตนเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเขามาแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็น ก็เลยเชื่อแบบสนิทใจ
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าค่อนข้างที่จะยาก เพราะเรื่องเกิดมานานตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันจำนวนก็เงินไม่น้อย มันก็จะยาก ในเรื่องคดีความการฉ้อโกงหากเป็นการฉ้อโกงธรรมดามีอายุความแค่ 3 เดือน ต้องตรวจสอบว่าทำไมผู้เสียหายถึงได้หลงเชื่อ
เบื้องต้นพบว่ากลุ่มดังกล่าวละเมิดอำนาจศาล เพราะแอบอ้างผู้พิพากษา นายทหาร ตำรวจ ซึ่งเราจะทำเรื่องส่งไปแต่ละหน่วยงาน อยากฝากเตือนประชาชนที่เจอพวกร่างทรงมาหลอกลวงในลักษณะแบบนี้อย่าได้หลงเชื่อ เพราะไม่มีที่ไหนที่ร่างทรงจะมาหลอกเอาเงินไปทำธุรกิจ