กรมชลฯ ประกาศระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม เตือนภาคกลาง 11 จังหวัด
กรมชลประทานได้ออกประกาศแจ้งเตือนฉบับที่ 10 ไปยัง 11 จังหวัดลุ่มน้ำภาคกลางประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี, นครสวรรค์, ชัยนาท, ลพบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี สุพรรณบุรี และกรุงเทพมหานคร ว่าในช่วงวันที่ 11ตุลาคม คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเหนือไหลผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ ลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ในอัตรา 2,200 - 2,500ลบ.ม.ต่อวินาที และมวลน้ำสมทบจากแม่น้ำสะแกกรังแ ละลำน้ำสาขาอีกประมาณ 300 ลบ.ม.ต่อวินาที รวม 2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที
ทำให้จำเป็นต้องมีการพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบทั้งด้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน โดยจะปรับอัตราการระบายน้ำแบบขั้นบันได้ ขึ้นไปที่เกณฑ์ 2,400ลบ.ม./วิ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น60-70ซ.ม. จึงขอให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลางได้คงอัตราการระบาย เพื่อรองรับมวลน้ำเหนือ และพบว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุด (00.00 น.) วัดได้ 2,342 ลบ.ม.ต่อวินาที
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้คงการระบาย ไว้ที่ 1,999ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบกับพื้นที่เหนือเขื่อน และท้ายเขื่อน รวมทั้งสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำเหนือ ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทรงยกตัวขึ้น 59 ซม. ใน 24 ชม.ล่าสุดวัดได้ 16.52ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้น16ซ.ม.ในรอบ24. ล่าสุดวัดได้ 14.50 ม.รทก.
ทั้งนี้จากการระบายน้ำในเกณฑ์ 2,000ลบ.ม.ต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาทลงไป จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น10 - 20ซ.ม.ใน24 ชม.ข้างหน้า จึงขอให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ข้อมูลจาก: กรมชลประทาน
ภาพจาก: กรมชลประทาน