แตกหรือไม่แตก? คำเตือน "ฟองสบู่เอไอ" ไม่มีบริษัทไหนรอด ต่างมุมมอง ซีอีโอ Google - Nvidia

ฟองสบู่แตก เป็นสิ่งที่หลายคนโดยเฉพาะนักลงทุนและคนที่ตามข่าวเศรษฐกิจอาจจะฟังแล้วกลัว ซึ่งคำว่าฟองสบู่ใช้เปรียบกับภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินมูลค่าที่แท้จริงจากการเก็งกำไร จนกระทั่งถึงจุดที่ราคาไม่สามารถสูงขึ้นได้อีกต่อไป และนักลงทุนจำนวนมากแห่ขายสินทรัพย์พร้อมกัน ทำให้ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เหมือนกับฟองสบู่ที่แตก และหากเป็นบ้านเรา คนไทย น่าจะรู้จักกันดีกับวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540
แต่วันนี้คำว่า "ฟองสบู่แตก" กำลังมาหลอกหลอน การลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ มีคำเตือนออกมาจากหลายฝ่ายอย่างต่อเนื่องว่าให้จับตาและเฝ้าระวังเพราะความร้อนแรงในอดีตนั้นเกินจริงและเสี่ยงจะล่มสลาย แม้กระทั่ง IMF ก็ยังออกมากระทุ้งถึงเรื่งอนี้ แต่อย่างไรก็ตามก็มีการถกเถียงในหลายด้าน และมุมมองที่เห็นคัดค้านเช่นกันว่าอาจจะไม่เกิดขึ้น หรือเป็นไปไม่ได้
มีนักวิเคราะห์หลายรายที่ได้ออกมาแสดงความเห็นและถกเถียงกันเป็นวงกว้าง เรื่องความยั่งยืนของการประเมินมูลค่าบริษัท AI ต่างๆ ที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงลิ่ว และมีการตั้งคำถามถึงรายได้จริงที่ยังถือว่าน้อยกว่าการลงทุนหลายร้อยเท่า แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ เจมี ไดมอน จาก JPMorgan ก็เตือนว่าเม็ดเงินจำนวนหนึ่งใน AI “น่าจะสูญเปล่าแน่นอน” แม้สุดท้ายเทคโนโลยีจะสร้างประโยชน์ก็ตาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
