แบงก์แกร่งสู้ต่างชาติผวา BBLรับสูงสุดขึ้นดอกเบี้ย
#แบงก์ #ทันหุ้น – ถอดปริศนาหุ้นแบงก์ถูกถล่มชี้ต่างชาติผวาบาทอ่อนเทขายแรง แต่มองพื้นฐานแข็งแกร่ง คาดไตรมาส 3/2565 กำไรรวมโต 24% พอร์ตสินเชื่อโตได้ทั้งสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อย มั่นใจคุม NPL ไม่พุ่งกดดันศักยภาพทำกำไร ชี้เป้า BBL รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น เศรษฐกิจโตต่อ ให้เป้า 170 บาท
นางสาวยุวนารถ สุวรรณอำไพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึง กรณีที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลงแรงวานนี้ (27 ก.ย.) กดดันจากแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ประกอบกับมีความกังวลว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่า 0.25% เพื่อพยุงการอ่อนค่าของเงินบาท และลดส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ – อัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก
“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สามารถยืนได้แข็งแกร่งกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นอาจมีแรงขายออกมาโดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งการที่เงินบาทอ่อนค่าและยังไม่มีจุดสิ้นสุด อาจเป็นแรงกดดันให้กนง.พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ซึ่งก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศโตช้าลง ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์นั้นเป็นกลุ่มที่เติบโตล้อไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ”
คาดสินเชื่อโต
อย่างไรก็ดีกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงแข็งแกร่งคาดไตรมาส 3/2565 มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ หนุนจากภาคเอกชนเริ่มมีความมั่นใจลงทุน รวมถึงพิจารณาดีลควบรวมกิจการ (M&A) มากขึ้น ส่วนสินเชื่อรายย่อยนั้น ธนาคารยังคงพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้เป็นรายกลุ่ม, รายธุรกิจเป็นหลัก
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แม้จะทยอยเร่งตัวขึ้นหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือภาครัฐบาล เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามความเหมาะสมเป็นรายกรณีอย่างต่อเนื่อง
เบื้องต้นนักลงทุนสามารถ “ทยอยสะสม” หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้หลังมีความชัดเจนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. โดยยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ราคาเหมาะสม 170 บาท เนื่องจากเป็นธนาคารที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้คุณภาพสินทรัพย์ของ BBL เป็นสินทรัยพ์ที่มีคุณภาพ และมีการตั้งสำรองในสัดส่วนที่เหมาะสม
@กำไรไตรมาส 3 โต 24%
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง ที่มีบทวิเคราะห์ว่า จะรายงานกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.31 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY หนุนจาก NII ที่สูงขึ้นและต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง แต่ลดลง 1% QoQ เนื่องจาก Opex ที่สูงขึ้น
โดย KTB มีแนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตของ EPS ที่ 48% YoY และ KKP มีแนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตของ EPS ที่ 40% YoY ขณะที่ BBL มีแนวโน้มรายงานสินเชื่อเติบโต QoQ หนุนจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และ KKP พอร์ตสินเชื่อรายย่อยจะเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ NIM มีแนวโน้มที่จะเติบโต QoQ จากผลตอบแทนเงินกู้ที่สูงขึ้น ส่วน Non-NII คาดว่าจะลดลง 8% YoY เนื่องจากค่าธรรมเนียมตลาดทุนที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วน NPL ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้น 4% QoQ เนื่องจากสินเชื่อในโครงการบรรเทาหนี้บางส่วนกลายเป็น NPLs สวนทางกับต้นทุนสินเชื่อจะลดลงมาอยู่ที่ 126bps จาก 158bps ในไตรมาส 3/2564 ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ไทยมี NPL Coverage โดยเฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 สูงถึง 167% หนุนจากนโยบายการกันสำรองล่วงหน้าในช่วงที่ผ่านมา