โอกาสไทย! เทรนด์อาหารสุขภาพ เทรนด์อาหารอนาคต l การตลาดเงินล้าน

อาหารอนาคต มีพื้นฐานมาจากอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งคุณ วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย บอกว่า ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ผู้บริโภคมีความรู้และใส่ใจกับสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด 19 ระบาด ยิ่งทำให้ตลาดในกลุ่มนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เห็นได้จากการส่งออกสินค้าอาหารอนาคต ระหว่างปี 2562-2567 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 8
เฉพาะ ปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยเราส่งออกสินค้าอาหารในภาพรวมทั้งหมด มูลค่าประมาณ 162,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปี 2566 แต่หากดูเฉพาะกลุ่มอาหารอนาคตนั้น เติบโตมากกว่า ซึ่งเติบโตถึงร้อยละ 13 แต่ยังมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 9 ของสินค้าอาหารส่งออก ดังนั้น การโอกาสการเติบโตของกลุ่มอาหารอนาคต ยังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ อาเซียน สหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป โดยอาเซียนเป็นตลาดอันดับ 1 มีมูลค่า 65,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับกลุ่มอาหารอนาคต ปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม ฟังชันนอล ฟู้ด และ ฟังชันนอล อินกรีเดี้ยน (Functional Food & Functional Ingredients) กลุ่มอาหารที่ให้คุณค่าทางโภคชนาการพื้นฐาน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าส่งออก 150,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มใหญ่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ของกลุ่มอาหารอนาคต
ถัดมาเป็นกลุ่ม เมดดิคัล และ เพอร์ซอนัลไลซ์ ฟู้ด (Medical & Personalized Food) หรืออาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล หรือกับผู้ป่วยที่ต้องรักษาโรคเป็นการเฉพาะ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 9
กลุ่ม อัลเทอร์เนทีฟ โปรตีน (Alternative Protein) หรือ โปรตีนทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์ แพล้นต์ เบส (Plant Based) มีมูลค่าส่งออก 6,200 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาส่งออกลดลงร้อยละ 5 และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มออร์แกนิค ฟู้ด (Organic Food) ส่งออกมูลค่า 1,500 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาลดลงเช่นกัน ที่ร้อยละ 30
คุณ วิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า ด้วยเทรนด์สุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องนั้น ทำให้คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก และ และออร์แกนิค จะกลับมาเติบโตดีได้ในปีนี้
และบอกอีกว่า หากรวมทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ปัจจุบันมูลค่าตลาดอาหารอนาคตของไทย อยู่ที่ราว 300,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเป็น 500,000 ล้านบาท ภายใน 3 ถึง 5 ปี โดยประเทศไทย มีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการแปรรูปอาหาร เพราะมีความพร้อมในหลายด้าน รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิต
ด้านคุณ ปิยโชค ปิยางสุ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีแรม จำกัด ผู้ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยให้ความสำคัญกับอาหารเชิงสุขภาพมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ เห็นเทรนด์ที่เติบโตนี้ และผลิตอาหารที่ตรงใจผู้บริโภค โดยเฉพาะอาหารสุขภาพสำหรับทั้งบุคคลทั่วไป และกลุ่มผู้สูงวัย เนื่องจาก ปัจจุบัน ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซีพีแรม จึงได้ผลิตอาหารคุณภาพออกมาสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้ ภายใต้แบรนด์ ครีเอเตอร์ อีกด้วย