รีเซต

บลจ.ยูโอบีวางกลยุทธ์AUMโต15% ชูหุ้นเอเชีย-ยุโรปเพิ่มน้ำหนักลงทุน

บลจ.ยูโอบีวางกลยุทธ์AUMโต15% ชูหุ้นเอเชีย-ยุโรปเพิ่มน้ำหนักลงทุน
ทันหุ้น
24 มีนาคม 2568 ( 12:48 )
8

#บลจ.ยูโอบี#ทันหุ้น- บลจ.ยูโอบี ประกาศเป้าหมาย AUM ปี 68 โตที่ระดับ 10-15%เดินกลยุทธ์บุกทุกกลุ่มทั้ง สถาบันและรายย่อย นำเสนอโซลูชั่นกองทุนที่ตอบโจทย์แผนการเกษียณ ขณะที่ผลงานปี 2567 ทำดี จบด้วย AUM 273,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% พร้อมให้น้ำหนักลงทุนหุ้นเอเชีย นำโดยจีนและยุโรป ปีกธงหุ้นไทยปีนี้ SET 1,295 จุด


นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.ยูโอบี กล่าวถึงกลยุทธ์และเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า ในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) มีเป้าหมายเติบโตที่ระดับ10-15% ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราเดียวกับอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยปี 2567 ที่ผ่านมา AUM ภายใต้การบริหารของบริษัท อยู่ที่ 273,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2566


*จบปี67 ผลงานสุดแกร่ง

โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสถาบันที่ไว้วางใจให้ บลจ.ยูโอบี เข้าบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT), ธนาคารออมสิน (GSB) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว (กสจ.) ทำให้ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตขึ้นเป็นอันดับที่ 6 จาก 17 บลจ. ซึ่งเป็นการเติบโตที่ปรับขึ้นจากอันดับที่ 8 เมื่อปีที่แล้ว


"ในปีที่ผ่านมาเราทำผลงานได้ดีทั้งในส่วนของลูกค้าสถาบัน และลูกค้ารายย่อย และในปีนี้เรายังคงเน้นขยายฐานทั้ง 2 ส่วนนี้ โดยเน้นบริหารพอร์ตให้เหมาะสมในช่วงที่ตลาดผันผวน ด้วยการกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย นำเสนอโซลูชั่นรีไทร์เมนท์ สำหรับลูกค้า PVD รวมถึงลูกค้ารายย่อยทั่วไป เพื่อช่วงวางแผนมีเงินใช้หลังเกษียณอย่างเพียงพอ"


นายวนา กล่าวอีกว่า แผนงานปีนี้ จะจัดให้มีกองทุนเทอมฟันด์ (Term Fund) นำเสนออย่างต่อเนื่องในทุกเดือน และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ทั้งกองทุนในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ, ตราสารหนี้นอกตลาด (Private Credit), กองทุนที่ตอบโจทย์แผนการเกษียณ (Retirement Solution) เป็นต้น เพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย กระจายความเสี่ยงในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว พร้อมทั้งพัฒนาระบบและเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย สะดวกมากขึ้น


*ยุโรป-เอเชียมา

นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองการลงทุนในปี 2568 ว่า บลจ.ยูโอบี มีมุมมองบวกต่อหุ้นยุโรป และหุ้นเอเชีย โดยยุโรปมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเพราะมีการปรับลดลงมาหลายครั้งแล้วในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็มีการใช้จ่ายที่มากขึ้นจากนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่หาทางยุติ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้ยุโรปกลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจน


ในส่วนของ เอเชียนั้น บลจ.ยูโอบี มองหุ้นจีน มองว่ายังแลกการ์ด (Laggard) แม้ปัญหาเรื่องภาคอสังหายังคงอยู่ ที่จีนก็มีนโยบายออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีที่สามารถผลิตออกมาได้มีประสิทธิภาพในต้นทุนที่ต่ำกว่าทางฝั่งสหรัฐ อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังยังมี


“สิ่งที่ต้องระวังคือ หากจีนทำอะไรแล้วพีคมากๆ ก็จะโดนตัดขา ทั้งจากคู่ค้า รวมถึงรัฐบาลเองที่อาจจะออกมาเบรกความร้อนแรง ลดการผูกขาด เหมือนช่วงที่ผ่านมาที่มีการออกมาตรการในหุ้นเทค เช่น กลุ่มเกม และธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา เป็นต้น”


นางสาววรรณจันทร์ กล่าวถึงหุ้นไทยว่ามีหลายปัจจัยที่ต้องจับตา เรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของกำแพงภาษี เนื่องจากไทยก็มีส่วนต่าง (Gap) ของดุลการค้ากับสหรัฐที่ค่อนข้างมาก ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นตัวกดดันหุ้นไทยหากสหรัฐออกมาตรการตั้งกำแพงภาษีกับไทย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ มองว่า สหรัฐคงโฟกัสไปที่ จีน และยุโรปมากกว่า แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ซึ่งต้องจับตาในช่วงเดือนเมษายนนี้


*ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,295 จุด

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของตัวเลขนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาลดลง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในภาพรวมอาจไม่ถึงเป้า 40 ล้านคน ทำให้ปีนี้ บลจ.ยูโอบี ประเมินเป้าหมาย SETที่ 1,295 จุด โดยหุ้นในกลุ่มที่มองว่าน่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มแบงก์ กลุ่มโรงพยาบาล และหุ้นปันผล ส่วนกลุ่มอสังหาที่ได้มาตรการ LTV เข้ามาสนับสนุนก็อาจไม่ได้สร้างดีมานด์มากมายเพราะภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทยยังคงอยู่ในระดับสูงแม้จะมีการลดลงบ้างแล้วก็ตาม


“มองว่าการลงทุนในหุ้นไทยอาจต้องเลือกเป็นรายตัว เพราะถ้ามองในภาพกว้าง จะเห็นว่า SET นั้นผันผวน และปรับตัวลง แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่ยังคงทำผลงานออกมาดี มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นไม่ใช่ว่าตลาดลงแล้วจะไม่มีตัวเลือกให้ลงทุน”


นางสาววรรณจันทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของหุ้นสหรัฐ ลดน้ำหนักการลงทุน ด้วยมุมมองที่ตลาดขึ้นมาสูงมากแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าหุ้นสหรัฐไม่น่าสนใจ ซึ่งนอกจากหุ้น 7 นางฟ้า ที่ทำลายบรรยากาศการลงทุนหุ้นเทคแล้ว แต่ในภาพรวมยังคงมีหุ้นกลุ่มอื่นที่สามารถเติบโตได้ดี และน่าสนใจอยู่ รวมถึงหุ้นอินเดียที่ปีนี้ก็มอง ลดน้ำหนักการลงทุน เพราะนอกจากแพงแล้วก็ยังมีปัจจัยเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่อาจลงทุนไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง