CCET พุ่ง หลังกำไร Q3 โต 85.8% -โบรกฯรับผลดีรง.ใหม่-สงครามการค้า-หุ้นจะเข้า SET100
#CCET #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ราคาปรับขึ้น 20.90% หลังประกาศกำไรไตรมาส 3/67 เติบโต 85.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านเคจีไอฯ มองมีปัจจัยบวกหนุนทั้งโรงงานใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ จะทำให้ผลประกอบการปีหน้าเติบโต รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐกับจีน จะส่งผลดีต่อธุรกิจ CCET และหุ้นยังมีโอกาสเข้าคำนวณใน SET100 รอบครึ่งแรกปีหน้า
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น CCET อยู่ที่ 8.10 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 20.90% ระหว่างวันราคาได้ปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 8.30 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 1,866.62 ล้านบาท
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า CCET รายงานกำไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY แต่ลดลง 8.2% QoQ โดยรายได้เติบโตเมื่อเทียบกับ YoY และ QoQ เนื่องจากยอดขายในเดือน ก.ย.พุ่งขึ้น 39.7% เทียบกับเดือนก่อน MoM และเพิ่มขึ้น 19.6% YoY อย่างไรก็ตามยอดขายเดือน ต.ค. ชะลอตัวลงแล้ว 11% MoM
ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ มองว่า CCET มี upside ต่อประมาณการในปี 2568 ซึ่งโรงงานใหม่ในมหาชัยได้เริ่มทดสอบการผลิตแล้ว และคาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/67 สำหรับโรงงานจังหวัดเพชรบุรี คาดว่าจะเริ่มทดสอบการผลิตในไตรมาส 1/68 และคาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2568
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทยอยผลิตในโรงงานใหม่เหล่านี้จะเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า ซึ่งจะช่วยเสริมผลประกอบการของ CCET ในปีหน้า
นอกจากนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นหลังการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อ CCET เนื่องจากลูกค้าอาจกระจายคำสั่งซื้อมาที่โรงงานในไทยของ CCETเพื่อลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และ ChargePoint ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ของ CCETผู้นำตลาด EV charger ของสหรัฐฯ มีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีก กรณีที่มีการใช้มาตรการกำแพงภาษีรถ EV จากจีน โดยฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการปัจจุบันไว้และจะพิจารณาปรับประมาณการหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 25 พ.ย.
ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ ยังเชื่อว่าหุ้น CCET มีโอกาสสูงที่จะได้เข้าดัชนี SET100 ในเดือน ม.ค. 2568 ซึ่งอาจนำไปสู่ Valuation ที่ Premium กว่าปกติ นอกจากนี้ เราจะมีการปรับประมาณการและการคาดการณ์หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 25 พ.ย. ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยู่ระหว่างการทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมาย