รีเซต

ฮือฮา!พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ-เครื่องใช้อายุ 3,000 ปี กรมศิลป์เข้าตรวจสอบแล้ว

ฮือฮา!พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ-เครื่องใช้อายุ 3,000 ปี กรมศิลป์เข้าตรวจสอบแล้ว
TNN ช่อง16
27 เมษายน 2565 ( 19:58 )
150
ฮือฮา!พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ-เครื่องใช้อายุ 3,000 ปี กรมศิลป์เข้าตรวจสอบแล้ว

วันนี้ ( 27 เม.ย. 65 )เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลขนาด 6 ไร่ อยู่ริมถนนหลวง หมายเลข 2022 ม.7 บ.ท่าเสียว ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี หรือชาวบ้านเรียกกันว่าดอนจี่ (ป่าช้าหรือที่ทำพิธีฌาปนกิจศพ) นายสกนธ์ กรกฎ นอภ.สร้างคอม นางสาวกนกวลี สุริยะธรรม ผอ.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง นักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น นายทวี ศรีสร้างคอม กำนัน ต.สร้างคอม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และนายธนกฤต ศรีวงษ์รัตน์ อายุ 54 ปี เจ้าของที่ดิน พร้อมด้วยชาวบ้าน ร่วมกันตรวจสอบ

พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ , กระดูกสัตว์ , อาวุธ , เครื่องใช้และเครื่องประดับที่ทำจากหิน เช่น ใบขวาน ปลายหอก ปลายธนู กำไลข้อมือ และหม้อดินที่ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบสีแดง คล้ายกับลวดลายหม้อและไหบ้านเชียงที่ขุดค้นพบ ซึ่งต่อมาองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2535 

จากการตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์โบราณห่างจากริมถนนราว 25 เมตร ที่เจ้าของที่ดินใช้รถแบ็คโฮขุดและปรับพื้นที่ ที่เป็นเนินหรือดอนลงไปราว 2 เมตร พบเป็นโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่กว่าคนในยุคปัจจุบัน เช่นกะโหลกศีรษะ และขนาดความใหญ่ความยาวของชิ้นส่วนกระดูก หรือชาวบ้านเรียกกันว่าโครงกระดูกมนุษย์ 8 ศอก ที่น่าจะมีความสูงมากกว่า 2 เมตร ที่เคยขุดพบที่บ้านเชียง โดยนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 ระบุโครงกระดูกและเครื่องใช้และเครื่องประดับ น่าจะอยู่ในช่วงยุคสมัยกลางๆ ของแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ที่เชื่อว่ามีอายุผ่านมาราว 2,300-3,000 ปี หรืออยู่ในช่วงยุคหินใหม่ก่อนประวัติศาสตร์

นางสาวกนกวลี สุริยะธรรม ผอ.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าของพื้นที่ได้พบวัตถุโบราณในที่ดินของตนเอง ได้ประสานไปยังสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น ให้เข้ามาตรวจสอบ สัปดาห์ที่แล้ว นักโบราณคดีได้ลงมาตรวจสอบแล้ว 1 ครั้ง โบราณวัตถุที่พบเป็นเศษกระดูกมนุษย์ กระดูกสัตว์ เครื่องมือหิน เครื่องประดับหิน เบื้องต้นประสานเจ้าของที่ดิน ระงับเรื่องการขุดดินในพื้นที่เพิ่มเติม หากจะใช้ประโยชน์พื้นที่ต้องกลบทั้งหมด และต้องไม่ขุดลงไปเพิ่มเติมอีก

“แนวทางในอนาคต ยังมีเนินดินด้านหลังที่ยังไม่ได้ขุดทำลาย ทางจังหวัด อำเภอ หรือท้องถิ่น ต้องทำเรื่องขอการขุดศึกษาพื้นที่ต่อไป พื้นที่นี่เป็นแหล่งศึกษาที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นแหล่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในเขต อ.สร้างคอม ยังไม่เคยได้รับรายงานว่ามีแหล่งขุดค้นที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน น่าจะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ได้อีกแหล่งหนึ่ง ส่วนภาชนะโบราณที่พบ มีร่องรอยการเขียนสี มีการใช้เทคนิคทาบเชือก ลวดลายจะร่วมกับยุคบ้านเชียงสมัยกลาง ประมาณ 2,300 ปี เป็นอย่างต่ำ หรืออยู่ในยุคหินใหม่ ถ้าจะให้ชัดเจนจริงๆ ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม หากวัตถุร่วมสมัยมันหนาแน่น จะศึกษาเปรียบเทียบได้ชัดเจนว่า คนที่นี่เข้ามาใช้พื้นที่เมื่อกี่พันปีมาแล้ว รวมถึงเมื่อมีการศึกษาโครงกระดูก เราก็จะได้รู้ว่าคนที่นี่ อพยพมาหรือว่ามีถิ่นฐานมาจากไหน ทำอาชีพ กินอยู่อย่างไร สามารถศึกษาได้อีกในระยะยาว พื้นที่นี้เปรียบเทียบแล้วเป็นลักษณะเนินสูงเหมือนที่อื่น แสดงว่ามีกิจกรรมมาค่อนข้างยาวนาน เรายังไม่รู้ว่าชั้นลึกสุดในการใช้พื้นที่มีแค่ไหน ต้องขุดและศึกษาอย่างเป็นระบบ และต้องขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับงบสนับสนุนมามากแค่ไหน”

นายสกนธ์ กรกฎ นอภ.สร้างคอม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รายงานจังหวัดด้วยวาจาแล้ว และส่งรายละเอียดทั้งหมดไปเพิ่มเติมอีกครั้งยังมีพื้นที่ที่เนินอยู่ด้านหลังอีก ได้หารือกับทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรแล้วว่าจะขุดค้นเพิ่ม โดยอาจจะให้งบประมาณของท้องถิ่น หรือจากทางกรมศิลปากรเองเข้ามาให้การสนับสนุน แต่ว่าพื้นที่ตรงนี้เราไม่สามารถขุดหรือดำเนินการอะไรเพิ่มเติมได้อีก เพราะถ้าขุดไปอีกจะได้รับความเสียหาย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำแล้วว่า พื้นที่เนินด้านหลังหากมีการขุดค้นเพิ่ม น่าจะเพิ่มชิ้นส่วนที่สมบูรณ์มากกว่านี้ และหากโชคดีมีการขุดพบมากกว่านี้ อาจจะเป็นโอกาสที่ดีของชาว อ.สร้างคอม ที่จะได้พัฒนาเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวในอนาคต เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับบ้านเชียง 


นายธนกฤต ศรีวงษ์รัตน์ เจ้าของที่ เปิดเผยว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้ซื้อที่ผืนนี้ต่อจากชาวบ้าน เป็นโฉนด น.ส.3 ขนาด 6 ไร่ หน้ากว้าง 40 ม. ตั้งใจว่าจะเปิดเป็นปั๊มน้ำมัน อู่ซ่อมรถ และที่อยู่อาศัย  ก่อนทำการปรับพื้นที่ที่เป็นเนินสูง เพื่อให้เสมอกับถนนด้านหน้า โดยใช้รถแบ็คโฮและรถไถเข้าปรับพื้นที่ในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ตอนแรกพบเศษเครื่องใช้หิน เครื่องประดับหิน พิจารณาแล้วว่าน่าจะเป็นของโบราณ จึงนำไปปรึกษาพ่อและพระที่วัดในหมู่บ้าน ชิ้นส่วนหินที่พบคนโบราณเรียกว่า “ขวานฟ้าผ่า” ลักษณะคล้ายอาวุธโบราณ ก่อนตัดสินใจแจ้งไปยังกรมศิลปากรให้เข้ามาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่ง กระทั่งมีการขุดพื้นที่เพิ่มเพื่อก่อสร้างโรงเรือนอีก 3 จุด ก็พบโครงกระดูกมนุษย์เพิ่มอีกจึงแจ้งให้มาตรวจสอบอีกครั้งในวันนี้


ข้อมูลจาก :  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดอุดรธานี

ภาพจาก :  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดอุดรธานี

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง