“มาดามรถถัง” ส่งมอบรถเกราะฝีมือไทย เสริมภารกิจสันติภาพยูเอ็นในเซาท์ซูดาน

วันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดพิธีรับมอบรถเกราะล้อยางและรถพยาบาลจำนวน 5 คัน จากบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “มาดามรถถัง” โดยมี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี ณ กองบัญชาการกองทัพไทย

การจัดหายุทโธปกรณ์ครั้งนี้ถือเป็น ครั้งแรกที่กองทัพไทยได้สั่งซื้อรถเกราะที่ผลิตโดยคนไทยเอง เพื่อนำไปใช้สนับสนุนกำลังพลในภารกิจรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ (UN) โดยรถเกราะล้อยางทั้ง 5 คัน จะถูกส่งไปประจำการกับกองร้อยเฉพาะกิจทหารช่างไทยในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (ผลัดที่ 6) ซึ่งมีกำลังพลเดินทางไปรับภารกิจในวันเดียวกัน

"มาดามรถถัง" รถเกราะล้อยาง

รถเกราะล้อยางถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีความคล่องตัวสูง ใช้งานได้ทั้งในการลาดตระเวน คุ้มกันขบวน และปฏิบัติการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ข้อดีคือสามารถวิ่งได้เร็วบนถนนและเส้นทางในพื้นที่ทุรกันดาร อีกทั้งยังติดตั้งระบบเกราะที่สามารถป้องกันอาวุธเบาและแรงระเบิดได้บางส่วน 

การจัดหารถประเภทนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับกำลังพลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น เซาท์ซูดาน ซึ่งยังมีความไม่สงบจากความขัดแย้งภายใน

ภารกิจสันติภาพของทหารไทย

ประเทศไทยเข้าร่วมภารกิจสันติภาพของสหประชาชาติมายาวนาน กำลังพลไทยถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในหลายประเทศ เช่น ติมอร์-เลสเต กัมพูชา และล่าสุดที่ประเทศเซาท์ซูดาน ภารกิจหลักคือการสร้างถนน สะพาน สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสนับสนุนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 

โดยเชื่อว่าการมีรถเกราะและรถพยาบาลที่ผลิตในประเทศเอง ช่วยให้กองทัพไทยมีความพร้อมมากขึ้นในการทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

ก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศไทย

นอกจากการเสริมศักยภาพของกองทัพแล้ว การส่งมอบครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ที่สามารถผลิตยุทโธปกรณ์มาตรฐานสากลได้เอง 

โดยสำหรับ “มาดามรถถัง” หรือบริษัทชัยเสรี ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนและยานเกราะที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปยังหลายประเทศ การที่กองทัพไทยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ จึงเป็นก้าวสำคัญในการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคง และยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมกลาโหมไทยให้เติบโต

การส่งมอบรถเกราะครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมกำลังรบ หากแต่ยังเป็นการยกระดับศักยภาพของประเทศทั้งในมิติความมั่นคงและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน