ทั่วโลกนับถือ! สมาคมโบราณคดีเมียนมา ต้านรัฐประหาร ลั่น! ไม่ให้ความร่วมมือ

สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา ออกแถลงการณ์ ต้านรัฐประหาร ย้ำ ไม่ให้ความร่วมมือทางหลักฐานและวิชาการทางโบราณคดี ชาวโลกพากันนับถือความกล้าหาญ

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64 เฟซบุ๊กเพจสมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา ได้ออกแถลงการณ์เพื่อต่อต้านกรณีรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ ประชาชนเมียนมา และผู้ที่สนใจทั่วโลกต่างจับตา การออกแถลงการณ์ของสมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมาในครั้งนี้ เนื่องจากไม่บ่อยนักที่หน่วยงานด้านโบราณคดี-ประวัติศาสตร์ จะลุกขึ้นมาต่อต้านการรัฐประหารอย่างชัดเจนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแถลงการณ์นี้ใจความดังนี้

"การประณามการรัฐประหารอย่างรุนแรง ดังนี้ 1. สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา เป็นองค์กรที่มีนักวิชาการในองค์กรที่ดำเนินโครงการอนุรักษ์มรดกทางโบราณคดีและวัฒนธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 2. สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมาขอประณามการรัฐประหารที่ดำเนินการโดยผู้นำทหารและขอแสดงจุดยืนต่อต้านการกระทำของเผด็จการที่ไม่สอดคล้องกับบรรทัดฐานของประชาธิปไตย

3.สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมาเรียกร้องให้ผู้นำกองทัพปล่อยตัวประธานาธิบดี อูวินมยิน นางอองซานซูจี และผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งคนอื่น ๆ โดยเร็ว 4.สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา ไม่ยอมรับรัฐบาลใหม่ที่ตั้งขึ้นโดยผู้นำรัฐประหาร และขอประกาศว่า สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา จะดำเนินการรณรงค์อารยะขัดขืนโดยสมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมาจะปฏิเสธการให้ความร่วมมือหรือร่วมงานกับคณะรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะปฏิเสธความร่วมมือด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและงานโบราณคดีใด ๆ แถลงการณ์ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 โดย คณะกรรมการบริหารกลาง สมาคมโบราณคดีเมียนมา"

ทั้งนี้การที่แถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เพราะผู้ที่สนใจในแถลงการณ์ดังกล่าว หลายคนได้แสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า สมาคมโบราณคดีแห่งเมียนมา เป็นองค์กรอิสระ และองค์กรการกุศลที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร ทั้งยังรับเงินอุดหนุนจากรัฐ และต้องพึ่งพารัฐในกลไกทางกฎหมายจากรัฐ

ทั้งนี้ หลักฐานเชิงโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับชาติ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการสร้างประวัติศาสตร์ชาติ การไม่ให้ความร่วมมือแก่กองทัพเมียนมา จึงหมายถึง การไม่ยอมรับต่อประวัติศาสตร์ที่กองทัพเมียนมาพยายามจะสร้างขึ้น แต่จะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร

นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจในแถลงการณ์ดังกล่าว ยังระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่แปลก เพราะโดยมากแล้ว หน่วยงานทางโบราณคดี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักจะถูกผูกขาดโดยรัฐ และทำให้เกิดการทำลายหลักฐานทางประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ด้วยเหตุนี้ การออกแถลงการณ์และต่อต้านที่ชัดเจนจึงถือเป็นการกระทำที่หล้าหาญอย่างยิ่ง