นายกฯ เผยหารือจีนหลายมิติ ภาคเอกชนสนใจ ‘โครงการแลนด์บริดจ์ ’
วันนี้ ( 29 ม.ค. 67 )นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการหารือร่วมกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า มีการพูดคุยกันในหลายมิติ และมีการลงนามวีซ่าฟรีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เริ่มต้นวันที่ 1 มีนาคมนี้ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศถือเป็นการแสดงความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นมิตรภาพที่ที่ดีต่อกันยาวนาน และจะครบ 50 ปีในปี 2568 นี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่สนับสนุนการไปมาหาสู่กันระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นเศรษฐกิจหลักในประเทศไทย
ขณะที่นายหวัง อี้ ก็ระบุว่า ประเทศจีนก็มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และอยากให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวประเทศจีนด้วย ซึ่งตนเองก็สนับสนุนการไปมาของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีบอกกับทางการจีน ว่า ยังมีจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งก่อนสถานการณ์โควิด มีถึงสัปดาห์ละ 2,000 ไเที่ยวบิน ปัจจุบันเหลือแค่ 1,200 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ดังนั้น จึงต้องการยกระดับการเดินทางระหว่างสองประเทศ ไปมาหาสู่กันให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ มั่นใจว่าเมื่อมีการปรับปรุง จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนทั้ง 2 ประเทศเดินทางเข้า - ออกกันและกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลดีทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ ในปีหน้าซึ่งเป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี ตนเองเตรียมวางแผนที่จะเรียนเชิญ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเยือนประเทศไทยด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่นายหวัง อี้ พบปะหารือประชุมกับเจค ซัลลิเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ ว่า ประเทศไทยมีเจตนารมย์ให้การสนับสนุนเป็นประเทศกลาง ที่สหรัฐ และจีนเป็นเวทีพูดคุยกันในหลายมิติ ต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนการเจรจาในลักษณะเช่นนี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งจีนเองก็ระบุว่าต้องเป็นประเทศไทย ซึ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำให้เลือกประเทศไทยมาเป็นที่พูดคุย เป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกก็ว่าได้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย
นอกจากนี้ ได้มีการพูดคุยกับนายหวัง อี้ เรื่องการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เรื่องของการเดินทางรถไฟความเร็วสูงที่จะมีขึ้นจากจังหวัดหนองคาย ผ่านประเทศลาวแล้วเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งมีปัญหาในเรื่องของการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า โดยได้มีการพูดคุยกันให้คณะทำงานของทั้งสองประเทศมาทำงานร่วมกันต่อ
อีกทั้งได้หารือถึงการค้าขายด้านสินค้าเกษตรกรรม ในเรื่องปศุสัตว์ เช่น โค ซึ่งประเทศจีนมีความต้องการอย่างมาก แต่ด้านด่านกักกันเชื้อโรคอยู่ประเทศลาว ทำให้การค้าระหว่างประเทศ เกิดความไม่สะดวก โดยนายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีด่านกักกันเชื้อโรคเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ใช่แค่ที่ประเทศลาว โดยทางด้านประเทศจีนได้รับปากว่าจะมีการทำให้เกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ ได้มีการลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อตกลงกำหนดการตรวจสอบและกักกันโรคต้นสนใบพายส่งออกจากไทยไปจีน และความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การ ตรวจสอบการกักกันและสุขอนามัยทางสัตวแพทย์เพื่อการส่งออกสัตว์ปีกแช่แข็งไทยไปจีน ระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเอกอัครราชทูตจีน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่า นายหวังอี้ ได้เอ่ยขึ้นมาว่าจีน สนใจโครงการแลนด์บริดจ์ และต้องการข้อมูลเพิ่มไม่ใช่แค่รัฐบาลจีนอย่างเดียว เอกชนจีนก็ด้วยที่ต้องการที่จะมีส่วนร่วม เนื่องจากทราบดีว่า หนึ่งในเหตุผลหลักที่ประเทศไทยต้องการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะการลงทุนที่เข้ามาจากประเทศจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีบริษัทใหญ่ใหญ่ของจีน มาลงทุนสร้างโรงงานผลิต และอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย ไม่ใช่แค่มาผลิตตามความต้องการของคนไทยอย่างเดียว แต่ต้องการเป็นศูนย์กลางการส่งออก
ดังนั้นไทยจึง จำเป็นต้องมีท่าเรือน้ำลึก และมีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ อย่างโครงการแลนด์บริดจ์ มาสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางไปในประเทศจีนเร็ว ๆ นี้ เพื่อจัดโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้น
ภาพจาก: ทำเนียบรัฐบาล