รีเซต

เช็กชื่อครบ! ครม.โยกย้ายอธิบดี “คลัง–ทรัพยากรฯ”

เช็กชื่อครบ! ครม.โยกย้ายอธิบดี “คลัง–ทรัพยากรฯ”
TNN ช่อง16
7 ตุลาคม 2568 ( 19:48 )
40

ครม.อนุมัติปรับทัพใหญ่กลางปี โยกอธิบดีหลายกระทรวง

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งและโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง (ระดับอธิบดี) หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็น “ล็อตใหญ่นอกฤดู” เพื่อเสริมความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

การโยกย้ายครั้งนี้ครอบคลุมทั้งสายการเงิน การคลัง และหน่วยงานกำกับดูแลทรัพยากรของรัฐ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อทิศทางการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการจัดการทรัพยากรของประเทศ

กระทรวงการคลัง ปรับโครงทีมบริหาร 7 ตำแหน่งหลัก

มติ ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้งและโยกย้ายอธิบดีและผู้ตรวจราชการรวม 7 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • นายอัครุตม์ สนธยานนท์ จากรองปลัดกระทรวงการคลัง ขึ้นเป็น อธิบดีกรมธนารักษ์
  • นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เดิม ย้ายเป็น รองปลัดกระทรวงการคลัง
  • นางสาวกุลยา ตันติเตมิท จากอธิบดีกรมศุลกากร ไปดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร
  • นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ไปเป็น อธิบดีกรมศุลกากร
  • นายคณาวุฒิ สิติธีรพันธุ์ จากที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
  • นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล จากผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
  • นายพนิต ธีรภาพวงศ์ ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ขยับสายบริหาร 3 ตำแหน่งสำคัญ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการอนุมัติโยกย้ายอธิบดี 3 รายหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการป่าไม้และทรัพยากรธรณี ได้แก่

  • นายพิชิต สมบัติมาก จากอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ไปเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง
  • นายยงยุทธ นาควิโรจน์ จากอธิบดีกรมป่าไม้ ไปเป็น อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
  • นายนิกร ศิรโรจนานนท์ จากรองปลัดกระทรวง ไปเป็น อธิบดีกรมป่าไม้

มติ ครม. มีผลต่อการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย

การโยกย้ายครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนปรับทีมบริหารราชการเพื่อเร่งผลักดัน “นโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจ” ของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การคลัง และสิ่งแวดล้อม โดยให้แต่ละกระทรวงมีผู้นำหน่วยงานที่มีประสบการณ์และความเข้าใจในระบบงานเฉพาะทาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง