ศบค. ยังไม่เคาะลดกักตัว 10 วัน ไฟเขียวต่างด้าวชายแดนกักตัวใน OQ

วันนี้ (18 พ.ย.63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือ โควิด19 กล่าวภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปเป็นครั้งที่ 8 เพื่อควบคุมโรคเป็นสำคัญโดยจะครอบคลุมเทศกาลปีใหม่ 1 ธ.ค. 2563 - 15 ม.ค. 2564 เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยรองรับเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2564

นอกจากนี้ ที่ประชุมศบค. ยังพิจารณาถึงการลดระยะเวลาการกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน ว่า มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ที่ประชุมจึงให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปลงรายละเอียดและนำกับมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุมศบค.ครั้งถัดไป

ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังมีมติผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนเข้ารับการกักตัวใน Organizational Quarantine หรือ OQ  ที่ส่วนราชการกำหนดหรือจัดตั้งขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากแรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนไม่สามารถเข้ารับการกักตัวใน Local Quarantine หรือ LQ เพราะไม่มีระเบียบทางราชการกำหนดให้แรงงานต่างด้าวเข้ารับการกักตัวใน Alternative Stste Quarantine หรือ ASQ ได้เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

นายกรัฐมนตรียังได้ชื่นชมการบริหารจัดการโควิด-19 ที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ซึ่งไทยได้รับการประเมินมีคะแนนดีที่สุดในมิติของการฟื้นตัว และมิติของความรุนแรงด้านการระบาด ขณะที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ของสหรัฐอเมริกาได้รายงานดัชนีความมั่งคงด้านสุขภาพ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 6 จาก 195 ประเทศในช่วงปลายปี 2562 และลำดับ 1 ของภูมิภาคเอเชีย โดยได้รับการยกย่องว่ามีความพร้อมในการรับมือของโรคระบาดได้มากที่สุด

นอกจากนี้ u.s. news and world report ยังได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 1 เป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจประจำปี 2563 ซึ่งทั้งหมดถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเรียกความเชื่อมั่น พร้อมสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีผลงานในด้านการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คนไทยสามารถเดินทางในประเทศได้อย่างมีอิสระและเสรี ขณะที่ทั่วโลกยังคงจำกัดพื้นที่และยังมีการล็อคดาวน์