กัมพูชาสั่งปิดด่าน “จุ๊บโกกี–จ๊อม” ถาวร ตอบโต้ไทยปิดฝ่ายเดียว

เมื่อค่ำวันที่ 21 มิถุนายน 2568 พลเอก ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุดารมีชัยว่า กองทัพภาคที่ 2 ของไทยได้ส่งหนังสือแจ้งปิดด่าน “ช่องสายตะกู–จุ๊บโกกี” บริเวณเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดารมีชัย ของกัมพูชา มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นมา

จากการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทย รัฐบาลกัมพูชาได้ตอบโต้ด้วยการอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดารมีชัยปิดด่าน “จุ๊บโกกี” ถาวร และยังสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารปิดด่าน “จ๊อม” ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภออันลองเวง จังหวัดอุดารมีชัย เช่นกัน โดยให้มีผลทันที พร้อมทั้งแจ้งจุดยืนต่อฝ่ายไทยอย่างเป็นทางการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง  ด่วน! ปิดด่าน “ช่องสายตะกู” บุรีรัมย์ แม่ทัพภาค 2 สั่งทันที

พลเอก ฮุน มาแนต ระบุว่า กัมพูชามิได้มีเจตนาใดที่จะสร้างความยากลำบากแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่การที่กองทัพไทยปรับเปลี่ยนเวลาการเปิด-ปิดด่านชายแดน หรือสั่งปิดด่านฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่อง ทำให้กัมพูชาจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ในระดับเท่าเทียมกัน

“เป็นเรื่องแปลกที่ฝ่ายการเมืองไทยพยายามขอเจรจาเพื่อกลับสู่สภาวะปกติ แต่กองทัพไทยกลับดำเนินมาตรการปิดด่านตามแนวทางของตนเองโดยไม่สอดคล้องกัน” ฮุน มาแนต กล่าว พร้อมย้ำว่า กัมพูชามีจุดยืนมั่นคงโดยไม่จำเป็นต้องเจรจาทวิภาคีในการเปิดด่าน หากฝ่ายไทยต้องการให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ “เพียงแค่เปิดด่านฝ่ายไทยก่อน กัมพูชาพร้อมเปิดตามภายใน 5 ชั่วโมงทันที”

เขาระบุด้วยว่า โครงสร้างการสั่งการของกัมพูชา มีความเป็นเอกภาพระหว่างรัฐบาลและกองทัพ “เมื่อผู้นำรัฐบาลสั่งการ กองทัพก็ปฏิบัติตามทันที” ซึ่งแตกต่างจากฝ่ายไทยที่ดูเหมือนไม่มีจุดยืนร่วมกันชัดเจนระหว่างรัฐบาลพลเรือนและฝ่ายทหาร

ปัจจุบัน จุดผ่านแดนจุ๊บโกกีและจ๊อมเป็นหนึ่งในเส้นทางสำคัญที่ประชาชนสองฝั่งใช้ในการเดินทางและทำมาค้าขาย การปิดด่านถาวรโดยทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ชายแดนอย่างมีนัยสำคัญ