รวม 8 อาวุธยูเครน ที่ได้รับจากชาติตะวันตก ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ เครื่องบิน และโดรน
3 มิถุนายน 2566 ( 13:18 )
109
นับจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา ปฏิบัติการทางการทหารระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้เข้าสู่เดือนที่ 16 ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของ TNN Tech พบว่ามียุทโธปกรณ์จำนวนมากจากชาติตะวันตกได้ถูกส่งมอบไปยังยูเครนทั้งในรูปแบบของความช่วยเหลือและรูปแบบของการซื้อขาย ซึ่งมีตัวอย่างอาวุธที่น่าสนใจทั้งหมด 4 ประเภท รวม 8 ชนิด ดังต่อไปนี้
รถถังต่อสู้หลัก (Main Battle Tank: MBT)
1. เอ็มวัน เอแบรมส์ (M1 Abrams) รถถังหลักอันโด่งดังซึ่งผลิตและประจำการในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกส่งมอบให้กับยูเครนจำนวน 31 คัน สหรัฐอเมริกา
2. ชาเลนเจอร์ ทู (Challenger 2) รถถังหลักซึ่งผลิตขึ้นยุคปี 1990 ประจำการอยู่ในกองทัพของอังกฤษ จำนวน 14 คัน
3. เลพเพิร์ด ทู (Leopard 2) รถถังต่อสู้หลักที่ใช้ประจำการในกองทัพทั้งในและนอกเนโท (NATO - องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) จำนวน 85 คัน จากประเทศแคนาดา, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, นอร์เวย์, สวีเดน โปแลนด์, โปรตุเกส, และสเปน
ยานพาหนะไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV)
4. โดรนทั่วไปและโดนลาดตระเวน (Reconnaissance Drone) ซึ่งมีหลากหลายรุ่น เช่น WB Electronics FlyEyes ของโปแลนด์ และ Bayraktar TB2 ของตุรกี รวมกับโดรนจากเอสโตเนีย, ญี่ปุ่น, ลัตเวีย, ลิธัวเนีย, อังกฤษ, และสหรัฐอเมริกา ได้รวมประมาณ 200 ลำ
5. โดรนโจมตี (Attack Drone) และโดรนสังหาร หรือที่เรียกว่าโดรนคามิกาเซ่ (Kamikaze Drone) โดยเกือบทั้งหมดประมาณ 2,200 ลำ ยูเครนได้รับจากสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ปืนใหญ่ (Howitzer)
6. เอ็มทริเปิลเซเว่น (M777) หนึ่งในปืนใหญ่ที่มีประจำการทั่วโลก ทางยูเครนได้รับมาใช้ในการต่อสู้จำนวน 152 ระบบ จากออสเตรเลีย, แคนาดา, และสหรัฐอเมริกา
7. ซีซาร์ (CAESAR) ปืนใหญ่อัตราจรที่มีผลงานในหลายพื้นที่ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ยูเครนได้รับมอบจำนวน 49 ระบบ จากประเทศฝรั่งเศสและเดนมาร์ก
เครื่องบินขับไล่ (Fighter Jet)
8. มิก 29 (MiG-29) เครื่องบินขับไล่จากโปแลนด์และสโลวาเกียที่มีประจำการมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นในสมัยสนธิสัญญาวอร์ซอแพค ถูกส่งต่อไปให้ยูเครนใช้ต่อสู้ จำนวน 27 ลำ
ยุทโธปกรณ์ทั้ง 8 ชนิด เป็นเพียงตัวอย่างของยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลือทางการทหารทั้งหมดที่ได้รับจากชาติตะวันตก ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือยูเครนด้านต่าง ๆ มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยมูลค่ารวม 46,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท