"Amazon" ถูกฟ้องละเมิดสิทธิพนักงานคนพิการลางานไร้ค่าจ้าง

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท Amazon.com Inc. เผชิญการฟ้องร้องครั้งใหม่ในศาลรัฐบาลกลางนครนิวยอร์ก เมื่อพนักงานคลังสินค้ากลุ่มหนึ่งยื่นฟ้องในรูปแบบ class action กล่าวหาว่านโยบายว่าด้วยการลางานของบริษัทมีลักษณะลงโทษและกดดัน ต่อพนักงานที่มีความพิการและละเมิดกฎหมายแรงงานและสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศ

คำฟ้องระบุว่า Amazon ซึ่งเป็นนายจ้างภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ รองจาก Walmart มีพฤติกรรมสั่งให้พนักงานที่ยื่นขอสิ่งอำนวยความสะดวกทางการทำงาน (reasonable accommodation) ต้องหยุดงานที่บ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างรอการอนุมัติ และต่อมาขู่ว่าจะไล่ออกหากมีวันลามากเกินไป ส่งผลให้พนักงานจำนวนมากไม่กล้าขอความช่วยเหลือแม้มีสิทธิ์ตามกฎหมายเพราะกลัวถูกลงโทษ

คดีนี้นำโดย เคย์ลา ไลสเตอร์ (Cayla Lyster) พนักงานคลังสินค้าในเมืองซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งระบุว่าเธอป่วยด้วยโรค ที่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ไลสเตอร์ เล่าว่าเธอถูก Amazon บังคับให้ลางานไร้ค่าจ้างรวมกว่า 6 สัปดาห์ ในระหว่างที่ยื่นคำขออุปกรณ์ช่วยเหลือพื้นฐาน เช่น เก้าอี้สำหรับนั่ง และการงดปีนบันได ขณะที่หัวหน้างานบางรายตำหนิและกดดันเธอซ้ำ

ตามคำฟ้อง Amazon ใช้ระบบจัดการการลางานที่เข้มงวด โดยหากพนักงานมีการลางานไร้ค่าจ้างมากเกินที่ระบุไว้ ระบบจะส่งอีเมลแจ้งเตือนให้พนักงานต้องชี้แจงเหตุผลภายใน 48 ชั่วโมง มิเช่นนั้นอาจถูกไล่ออก ส่งผลให้พนักงานคนพิการรู้สึกถูกข่มขู่แม้ใช้สิทธิตามกฎหมายในการขอความช่วยเหลือ

ด้านโฆษก Amazon เคลลี แนนเทล ออกแถลงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าบริษัทให้ความสำคัญกับสุขภาพและสวัสดิภาพของพนักงานเป็นอันดับแรกและย้ำว่า Amazon ไม่ได้ละเมิดกฎหมายสิทธิคนพิการ

คดีล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพียง 3 สัปดาห์หลังจากอัยการรัฐนิวเจอร์ซีย์ยื่นฟ้อง Amazon ในข้อกล่าวหาคล้ายกัน คือปฏิเสธคำขออำนวยความสะดวกของพนักงานบ่อยครั้ง และบังคับให้พนักงานตั้งครรภ์รวมถึงพนักงานพิการต้องลางานโดยไม่รับค่าจ้าง ซึ่ง Amazon ก็ปฏิเสธ โดยยืนยันว่าอนุมัติคำขอดังกล่าวกว่าร้อยละ 99

คดีที่ยื่นฟ้องครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งแรงสั่นสะเทือนต่อแนวปฏิบัติด้านแรงงานของ Amazon ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานเกี่ยวกับการควบคุมสภาพแวดล้อมในคลังสินค้าอย่างเข้มงวด