โรงพักโคราชวุ่น ! เชื้อลามตร.ป่วยอีก 13 ผู้ต้องขัง 30 เสี่ยงสูงอื้อ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดคลัสเตอร์สถานีตำรวจภูธรเมือง นครราชสีมา ว่า ไทม์ไลน์ รับแจ้งข้อมูลวันที่ 25 ตค. มีผู้ต้องกักสัญชาติเยอรมันอายุ 70 ปี มีผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งผู้ต้องกักรายนี้เข้ามาในประเทศไทย เมื่อครบกำหนดวันที่ 12 มกราคม 2550 แต่ไม่ได้กลับประเทศตามเงื่อนไข จึงถูกจับในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อาศัยอยู่นาน 5,370 วัน ก่อนถูกควบคุมตัวได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นครราชสีมา ตรวจสอบประวัติข้อมูลและนำมาควบคุมตัวมาที่ สภ.เมือง เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อรอการผลักดันกลับประเทศ
ต่อมาคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้สอบสวนโรคพบภายในห้องกักขังมีผู้ต้องหาและผู้ต้องกักจำนวน 47 คน และตรวจผลยืนยันติดเชื้อ 30 คน แยกเป็นผู้ต้องหา 2 คน ผู้ต้องกัก 28 คน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นสิบเวรปฏิบัติหน้าที่ห้องควบคุมผู้ต้องขัง 2 นาย ติดเชื้อ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. พบเจ้าหน้าที่ตำรวจทยอยติดเชื้อล่าสุดพบติดเชื้อรายใหม่ 2 คน รวมป่วยสะสม 43 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 50 ราย ขณะนี้ได้ปิดพื้นที่เพื่อทำความสะอาดและปรับปรุงไม่ให้เป็นแหล่งรังโรคและอยู่ระหว่างสอบสวนหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มเติม ส่วนผู้ที่มาใช้บริการและติดต่อราชการที่ สภ.เมือง ตั้งแต่วันที่ 8 -25 ตค. หากมีความสงสัยเป็นผู้เสี่ยงสูงขอให้เข้ารับการตรวจเชิงรุกตามสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วเพื่อยับยั้งเชื้อได้อย่างทันท่วงที
ด้าน พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดเชื้อรวม 13 นาย เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 3 นาย ชั้นประทวน 10 นาย สังกัดงานป้องกันและปราบปราม,งานสืบสวนและสิบเวรดูแลห้องควบคุมผู้ต้องขัง ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลของรัฐ ส่วนผู้ต้องกักซึ่งเป็นชาวต่างด้าวรอการผลักดันกับประเทศต้นทางและผู้ต้องหารอนำไปผลัดฟ้องฝากขังรวม 30 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาหาสถานที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย โดยมีการควบคุมดูแลป้องกันการหลบหนีและให้การดูแลรักษาตามมาตรการสาธารณสุข ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 50 ราย ได้จัดสถานที่กักตัวและขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา มาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั้งในอาคารที่ทำการและห้องควบคุมผู้ต้องขังรวมทั้งบริเวณพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนที่มาติดต่อราชการ