เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,600-1,620 จุด ทั้งภาพทางเทคนิคที่ดีดขึ้น รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวค่อนข้างแรงคืนวันศุกร์ โดยตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ย. ที่ออกมาใกลเคียงตลาดคาดและไม่ได้เร่งตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นคาดว่ายังมี Upside ระยะสั้นจำกัดเนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูผลการประชุม FED วันที่ 2-3 พ.ย. นี้ ซึ่งนอกเหนือจากคาดการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% แล้ว ต้องติดตามถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อมุมมองเงินเฟ้อและดูว่าจะเริ่มส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปหรือไม่ ส่วนในประเทศโฟกัสยังคงอยู่ที่การทยอยประกาศกำไร 3Q22 ของบริษัทจดทะเบียน และยังคาดหวังเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 4Q22-2023 เรายังคงชอบหุ้น Domestic และ Reopening Play ซึ่งคาดว่าจะสามารถ Outperform หุ้น Global Play และตลาดได้ต่อเนื่อง
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q22 แข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท
• แนวโน้มกำไร 3Q22 คาดโดดเด่นเติบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามการ Reopening หนุน Traffic เข้าห้างฟื้นตัวเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 รวมถึงส่วนลดค่าเช่าที่เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง และกระทบจำกัดต่อปัจจัยลบของต่างประเทศ
• เราคาดกำไรปี 2022-2023 +244% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ หนุนจากทั้งการฟื้นตัวของค่าเช่าห้างเดิม การเข้าซื้อ SF และระยะยาวรองรับด้วยแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ. ทั้งธุรกิจศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม
• แนวรับ 65 บาท แนวต้าน 70-71 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway Up ทดสอบแนวต้าน 1,620 มีแนวรับ 1,595 – 1,600 ได้แรงหนุนจากคาด ธ.กลางหลักจะเริ่มชะลอขึ้นดอกเบี้ย กอปรเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก HMPRO,CPN,CRC ได้ประโยชน์เปิดเมือง / เก็งกำไร AU, U
CPN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 76.50 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q65 เติบโต QoQ, YoY ปัจจัยบวกจากการคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ ธุรกิจศูนย์การค้าปริมาณ Traffic กลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 80-85% ส่งผลให้ส่วนลดค่าเช่าลดลงต่อเนื่อง QoQ โดย Occupancy rate ทรงตัวสูงที่ราว 90% ส่วนการเติบโต YoY มาจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง ในปีก่อน และเปิดใหม่ 1 แห่งในปีนี้ สำหรับกำไรปกติปี 65-66 ตลาดคาดอยู่ที่ราว 9.3 พันล้านบาท (+ 30%YoY) และ 1.12 หมื่นล้านบาท (+20%YoY) โดยมีแผนเปิด Central Westville ราชพฤกษ์ใน 4Q66 ส่วนโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะทยอยเปิดในปี 67
BEM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.00 บาท) คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตาม Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นหลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย โดยช่วงเดือน ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ปริมาณจราจรของBEM* และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 1,090.74 พันเที่ยวต่อวัน(+42.77%YoY, +1.10%MoM) และ 344.00 พันเที่ยวต่อวัน(+244.00%YoY, +7.50%MoM) ใกล้เคียงระดับ Precovid-19 ที่ 1,250-1,290 พันเที่ยวต่อวัน และ 300-350 พันเที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ BEM* ยังมีประเด็นบวกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ของ BEM* จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานต่ำในปี 64 ที่ 0.07 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.15 บาท/หุ้น, และ 0.24 บาท/หุ้น ตามลำดับ
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1580-1620จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา1,606.07 จุด /+0.94%) ตลาดหุ้นในช่วงต้นสัปดาห์อาจจะเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอดู Event สำคัญของตลาด คือ การประชุม Fedกลางสัปดาห์(2)คาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% ตามตลาดคาดการณ์ไว้ และไม่ได้มีอิมแพ็คกับตลาดมากนัก เพราะรับรู้ไปบ้างแล้ว
สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ที่ยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน เป็นตัวถ่วงตลาดอยู่ หากหาทางจบลงได้ จะ หนุนให้ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันตอนนี้ยังถือว่าดี ล่าสุด Brent 95.9เหรียญ
ติดตามสถานการณ์ของจีน ที่ยังมีการกลับมา Lockdown อีกครั้ง ซึ่งจะยังกระทบต่อเศรษฐกิจ จีน และไทย รวมถึงภาคการท่องเที่ยว และส่งออก
ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงค์จากการเข้าเก็งงบรายตัว และเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า
Strategy
• แรงซื้อหุ้นไทยยังมีต่อจากการที่ดัชนีฯ ขึ้นมายืนเหนือ 1600 จุด ได้ น่าจะเน้นเก็งกำไรไปที่หุ้นใหญ่ หรือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศเป็น net buy อาทิ CPALL, BBL, PTTEP, AOT
• กรอบเวลาลงทุน ยังเน้นเป็นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ เพราะควรรอดูประชุม FOMC ก่อน
• หุ้นที่ราคาลงมาลึก กลายเป็นกลุ่มที่ถูกเวียนมาเล่นรายวันเราชอบ ADVNC
• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น CBG, EGCO, AIT, GULF ออก และนำหุ้น ADVANC, PTTEP, WHA, SICT เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย ADVANC(10%), PTTEP(10%), WHA(10%), SICT*(10%), TIDLOR(10%), IVL(10%)
Strategy Stock Pick
ADVANC: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 195.00 บาท) “คาดถึงจุดทยอยซื้อ ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว”
• แนะนำทยอยซื้อสะสม ADVANC ประเมินราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ที่อ่อนแอไปแล้ว ส่วน 4Q22E รายได้บริการจะเริ่มฟื้นตัว และมีแรงหนุนจากยอดขาย iPhone ด้วย (ARPU จะเพิ่มตาม)
• รายได้บริการของ ADVANC แกร่งกว่ากลุ่มจากฐานลูกค้า ADVANC ที่มีสัดส่วนของ Mid-High End ARPU มากกว่ากลุ่ม บนภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อปัจจุบันจึงได้เปรียบ ส่วนการซื้อ 3BB คาดบริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบไม่รีบซื้อ
• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 2.57 หมื่น ลบ. และ 2.65 หมื่น ลบ. -4.2%YoY, +2.9%YoY ตามลำดับ.
Technical : IVL, SELIC