บลจ.อเบอร์ดีนชี้ หุ้นไทยยังมีหวัง เร่งกู้วิกฤตศรัทธา

#บลจ.อเบอร์ดีน #ทันหุ้น – บลจ.อเบอร์ดีน ชี้หุ้นไทย เผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นหรือวิกฤตศรัทธา กดดันให้ SET Index ปรับตัวลดลงประเมินแนวรับต่ำสุดที่ 1,200 จุด สะท้อนปัจจัยลบไปบ้างแล้ว หากได้แรงกระตุ้นเข้ามาช่วย เชื่อดัชนีหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,450 จุด แนะลงทุนหุ้นรายตัวที่ฐานะทางการเงินดี สภาพคล่องสูง ปันผลสม่ำเสมอ
นายณัฐนนท์ อรัณยกานนท์ คุณณัฐนนท์ อรัณยกานนท์ Fund Manager , Asian Equities บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถือว่าให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลก ซึ่ง 2-3 เดือนที่ผ่าน เรียกได้ว่าเป็น “วิกฤตความเชื่อมั่นหรือวิกฤตศรัทธา” จากตัวเลข GDP ที่ไม่ได้ดีขึ้นเหมือนในอดีต ธุรกิจภายในประเทศไม่ได้น่าสนใจเหมือนประเทศสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนจากต่างประเทศ ดังนั้นเวลาที่หุ้นใหญ่บางตัวประกาศผลประกอบการออกมาแย่กว่าที่คาด ทำให้ราคาหุ้นเปิดลงมาติด Floor กดดันดัชนีให้ลดลงมา ประเมินแนวรับต่ำสุดที่ประมาณ 1,200 จุด
แต่มองว่า P/E ที่ลงมาอยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจไทย GDP ยังเติบโตอยู่ในระดับ 2.5-3% ซึ่งกำไรของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าเติบโตตาม GDP กลุ่มหุ้นใหญ่ที่ส่งผลต่อดัชนี อย่างเช่น DELTA ,CPALL ,AOT ปรับตัวลงมาค่อนข้างเยอะแล้ว ประกอบกับแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) คาดว่าจะเริ่มลดลง เนื่องจากมีแรงเทขายหนักไปแล้วช่วงเดือนมกราคม 2568 ขณะที่นโยบายทางการเงินเป็นอีกหนึ่งปัจจัย หากมีการเซอร์ไพรส์ลดดอกเบี้ย จะเป็นตัวหนุนการเติบโตของตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาด SET Index มีโอกาสจะขึ้นไปทดสอบ 1,450 จุด โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2568 ยังมีความผันผวนอยู่
โดยกลุ่มที่ยังสามารถลงทุนได้ในระยะกลาง-ยาว เน้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และการท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนใน AI เข้ามาใช้ในองค์กร ซึ่งต้องเข้าไปดูเป็นรายบริษัท อย่างไรก็ดีแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ ให้กองทุน ABGFIX-A ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มี Credit Rating ค่อนข้างสูง กระจายการลงทุนทั่วโลกทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยของอเมริกาเฉลี่ยประมาณ 2% ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า และมีความผันผวนต่ำด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
ในส่วนตราสารทุนแนะนำกองทุนหุ้นอินเดีย ABIG โดยตลาดยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาว คาด GDP เติบโตเฉลี่ยระดับ 6% ในอีก 3 ปี ข้างหน้า แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีการปรับตัวลดลง จากแรงเทขายที่ย้ายไปยังตลาดหุ้นจีน และคาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยอุตสาหกรรม Financials , Information Technology , Consumer Discretionary , Industrials