ธปท.เคาะ 3 กลุ่มทุนผ่านเกณฑ์ตั้ง Virtual Bank ลุยบริการการเงินยุคใหม่

ธปท.ประกาศ 3 กลุ่มทุนผ่านเกณฑ์จัดตั้ง Virtual Bank เตรียมเปิดบริการภายใน 1 ปี

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศรายชื่อผู้ที่เห็นสมควรให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) จำนวน 3 ราย ได้แก่

 1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด (ทรูมันนี่)

 2. กลุ่มธนาคารกรุงไทย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR)

 3. กลุ่ม บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ร่วมกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp จากเกาหลีใต้

การพิจารณาดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติ แผนธุรกิจ และศักยภาพในการนำเสนอบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หรือได้รับบริการไม่เพียงพอ โดยเฉพาะรายย่อย (Retail) และผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงการนำนวัตกรรมมาช่วยยกระดับคุณภาพและต้นทุนของบริการในระบบการเงินไทย

ธปท.ระบุว่า การอนุญาตครั้งนี้ยังคำนึงถึงจำนวนที่เหมาะสมของธนาคารพาณิชย์รายใหม่ เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นประโยชน์ต่อระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ ทั้งยังยึดหลักการพิจารณาที่โปร่งใส เท่าเทียม และรัดกุม

ผู้ที่ผ่านการพิจารณาจะต้องจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขของกระทรวงการคลัง พร้อมผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนจะสามารถขอใบอนุญาตและเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2568

“นวัตกรรมตอบโจทย์รายย่อย - ธปท.จับตาใกล้ชิด”

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายมีความโดดเด่นในรูปแบบแตกต่างกัน ช่วยเติมเต็มช่องว่างในระบบการเงิน โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาชีพอิสระ และ SMEs รายเล็ก

“บางกลุ่มเน้นสินเชื่อ SME แบบปรับตามรายได้ บางรายเชี่ยวชาญสินเชื่อรายย่อยที่ยืดหยุ่นตามลักษณะธุรกรรม ขณะที่บางกลุ่มโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์เงินฝาก” นางรุ่งระบุ

สำหรับประเด็นข้อกังวลว่าการให้ใบอนุญาตครั้งนี้อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่ นางรุ่งยืนยันว่า ธปท.มีกรอบกำกับที่เข้มงวด และทุกผู้ขออนุญาตได้ให้คำมั่นจะดำเนินงานตามเกณฑ์กำกับที่วางไว้

ทั้งนี้ ในช่วง 3-5 ปีแรก ธปท.จะติดตามความคืบหน้าของ Virtual Bank แต่ละรายอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินผลกระทบภาพรวมของระบบควบคู่ไปด้วย โดยจะมีการพิจารณารอบใหม่ในอนาคตหากระบบมีความแข็งแรงเพียงพอ และจะไม่ปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาในรอบแรกกลับมายื่นอีกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือเพิ่มพันธมิตรในอนาคต จะต้องรายงานและขออนุมัติจาก ธปท. ก่อนหากมีผลต่อโครงสร้างอย่างมีนัยสำคัญ