ฝนถล่มชุมพร 3 อำเภออ่วม น้ำป่าทะลักท่วมมิดหลังคาบ้าน
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 จากอิทธิพลความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้กำลังแรง ทำให้จังหวัดชุมพรมีฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนในตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก มีปริมาณน้ำฝน 204 มม. และ ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน ปริมาณน้ำฝน 150 มม. ตำบลนาสัก อ.สวี ปริมาณน้ำฝน 180 มม. ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 4 อำเภอ 18 ตำบล 66 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับ ความเดือดร้อน 735 ครัวเรือน 1,641 คน โรงเรียน 1 แห่ง วัด 1 และน้ำท่วมถนนสายเอเชีย 41 บริเวณก่อนถึงสี่แยกเขาปีบ อำเภอทุ่งตะโก ถนนสายหลัก สายรองมีน้ำหลากเข้าท่วมสายเส้นทางในหมู่บ้านไม่สามารถสัญจรได้
สำหรับพื้นที่น้ำท่วมอำเภอสวี มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 8 ตำบล 34 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความ เดือดร้อน 45 ครัวเรือน ประชาชน 160 คน
อำเภอหลังสวน มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับ เดือดร้อน 68 ครัวเรือน ประชาชน 211 คน อำเภอทุ่งตะโก มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับ ความเดือดร้อน 600 ครัวเรือน 1,200 คน โรงเรียน 1 แห่ง วัด 1 แห่ง อำเภอพะโต๊ะ มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับ ความเดือดร้อน 22 ครัวเรือน 70 คน และน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตร อยู่ระหว่างการสำรวจ
ขณะที่ นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รอง ผวจ.ชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรพร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องออกให้ความช่วยเหลือและสั่งการให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด และอำเภอทุกแห่ง เพื่ออำนวยการ ประสานการเผชิญเหตุและบูรณาการ ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้แก่พื้นที่ ที่ประสบภัย พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายจเร เนื้อแก้ว 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/2 ม 2 ตำบลช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุพร อาชีพทำสวนทุเรียน กล่าวว่าน้ำป่าเริ่มไหลทะลักลงสู่บ้านเรือนตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 03:00 น ของวันนี้ระดับน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่ในหมู่บ้านแทบจมทั้งหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านไม่สามารถที่จะเดินทางออกสู่ด้านนอกได้ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในรอบ 10 ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินที่อยู่อาศัยพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะถ้าเป็นบ้านชั้นเดียวหลายหลังมิดจมใต้น้ำเลยทีเดียว แต่โชคดียังไม่มีผู้เสียชิวิตหรือสูญหายจากน้ำท่วมครังนี้ ในส่วนของอาหารการกินนั้นชาวบ้านสามารถประทังชีวิตอยู่ได้ในเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ส่วนความช่วยเหลือของทางราชการอยากจะให้ช่วยเหลือไปยังบ้านที่ลำบากมากกว่านี้แต่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่เห็นหน่วยงานราชการ เข้ามาแต่อย่างใดนอกจากหน่วยกู้ภัยของเอกชนที่เข้ามาอยู่เพียง 1 หน่วยเท่านั้น