รีเซต

หอบวัคซีนลุยฉีดสูงวัยถึงบ้าน เผยผลวิจัย 4 เข็ม ป่วยแต่ไม่ตาย

หอบวัคซีนลุยฉีดสูงวัยถึงบ้าน เผยผลวิจัย 4 เข็ม ป่วยแต่ไม่ตาย
มติชน
22 มีนาคม 2565 ( 08:17 )
59

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางกลับบ้านจำนวนมาก ตนจึงให้ทางกรมควบคุมโรคประสานยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) รณรงค์นำผู้สูงอายุอีก 2.1 ล้านคน ที่ยังไม่รับวัคซีนให้เข้ารับโดยเร็ว เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ

 

“หากเราต้องการผ่านสงกรานต์ไปด้วยดีไม่เกิดความสูญเสียใด การฉีดวัคซีนจะต้องใช้ระยะเวลาทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 และเวลาต้องสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์นี้ ก็ขอให้ลูกหลานพาทุกคนไปรับวัคซีน สธ.จะนำวัคซีนใส่ตู้เย็นพกพาที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลญี่ปุ่นร่วมกับยูนิเซฟ นำไปฉีดให้ท่านถึงบ้านด้วย ส่วนผู้จะเดินทางกลับบ้าน ก่อนเดินทางขอให้แยกตัวเอง ไม่เข้าพื้นที่เสี่ยง ทำกิจกรรมเสี่ยง ปาร์ตี้ ถ้าให้ดีก็เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เพื่อตัวท่านเอง เพราะไม่ใช่กฎหมาย บังคับไม่ได้ แต่หากเราเป็นห่วงผู้ใหญ่ที่รักของเรา ก็ขอให้ระมัดระวังมากขึ้น” นายอนุทินกล่าว

 

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าสำหรับการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริง โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ ร่วมกับคณะทำงานติดตามประสิทธิผลวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และคณะทำงานวิชาการ ข้อมูลใน จ.เชียงใหม่ ผลเบื้องต้นจากการประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 การป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน ดังนี้ กรณีฉีดวัคซีน 2 เข็ม เดือนมกราคม 2565 และกุมภาพันธ์ 2565 ไม่สามารถป้องกันเชื้อโอมิครอนได้ กรณีฉีดวัคซีน 3 เข็ม มกราคม 2565 ป้องกันติดเชื้อร้อยละ 68 และกุมภาพันธ์ป้องกันได้ร้อยละ 45 กรณีฉีดวัคซีน 4 เข็ม กุมภาพันธ์ ป้องกันได้ร้อยละ 82 แต่จุดสำคัญคือป้องกันการเสียชีวิต ตัวเลขการป้องกันการเสียชีวิต ดังนี้ กรณีฉีดวัคซีน 2 เข็ม มกราคมป้องกันการเสียชีวิตร้อยละ 93 และกุมภาพันธ์ร้อยละ 85 กรณีฉีดวัคซีน 3 เข็ม มกราคม ป้องกันการเสียชีวิตได้ร้อยละ 98 และกุมภาพันธ์ ร้อยละ 98 กรณีฉีดวัคซีน 4 เข็ม ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในผู้ได้วัคซีน 4 เข็ม

 

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า สำหรับตัวเลขผลเบื้องต้นการประเมินประสิทธิผลของวัคซีนในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงระดับประเทศของเดือนมกราคม 2565 พบว่า การป้องกันการติดเชื้อหากฉีด 2 เข็ม ป้องกันได้ร้อยละ 4.1 ต่ำมากเหมือนไม่ป้องกัน ส่วน 3 เข็ม ป้องกันได้ร้อยละ 56 และ 4 เข็ม ป้องกันได้ร้อยละ 84.7 แต่หากป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต เมื่อฉีดวัคซีน 2 เข็ม ร้อยละ 54.8 หากฉีด 3 เข็ม ร้อยละ 88.1 แต่กรณีป้องกันการเสียชีวิตพบว่า 2 เข็ม ป้องกันได้สูงถึงร้อยละ 79.2 ส่วนหากฉีดวัคซีน 3 เข็ม จะป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง ร้อยละ 87

 

“การฉีดวัคซีนเข็ม 3 จึงป้องกันการเสียชีวิตได้มาก ประชาชนอาจมีข้อสงสัยลังเลหรือไม่แน่ใจว่าควรแนะนำฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในผู้สูงอายุหรือไม่ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหากสื่อสารข้อมูลถูกต้องจะช่วยชีวิตคนได้ แต่หากข้อมูลไม่ถูกต้อง อาจทำให้ขาดโอกาสเข้าถึงวัคซีน และมีร้อยละ 50-60 ของผู้เสียชีวิตพลาดโอกาสการรับวัคซีนตรงนี้” นพ.เฉวตสรรกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง