วางแผนซื้อหุ้น ลุ้น Contdown เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้
ข่าววันนี้ หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ จำนวน 46 ประเทศ เช่น จีน, สหรัฐ, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สิงคโปร์ เป็นต้น ในวันที่ 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าทุกภาคส่วนของไทยต่างมีความหวังที่จะได้กอบโกยรายได้ที่ขาดหายไปเกือบ 2 ปี หรืออย่างน้อยก็ลุ้นให้บรรยากาศการท่องเที่ยวและการจัดจ่ายใช้สอยเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่ซบเซาอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่เป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้กับประเทศ และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมหาศาล แทบเหลือ 0
ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เชื่อว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2564 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1% หลังจากเริ่มมีการเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย. ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในช่วงปลายปีนี้จะเป็นการเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม และคาดว่าในปี 65 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 6 ล้านคน
ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวผ่าน TNN Wealth Live ว่า ช่วงนี้หุ้นกลุ่มประกันจะน่าสนใจ เพราะอยู่ในกระแสทึ่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดกอเบี้ยในไม่ช้า ส่วนธีมเปิดเมืองตลาดตอบรับไปเยอะแล้ว แต่อาจจะกลับมาเล่นใหม่ก็ได้ อย่าง AOT ก็ย่อลงมาเยอะ อยากให้รอดูก่อนว่าจะมีแรงซื้อคืนกลับมาหรือไม่ แต่ไม่ควรซื้อดัก
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส คาดว่าภาครัฐจะมีแนวโน้มผ่อนคลายข้อจำกัดของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากปัจจุบัน สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มปิดการดำเนินการอยู่ เพราะความหวังของการเดินหน้าเปิดประเทศ และการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติม จะเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่ม Restart Economy ในระยะต่อไป โดยหากราคาหุ้นย่อตัวลงมา บล.เอเซียพลัส มองเป็นโอกาสเข้าสะสมเพื่อรองรับการฟื้นตัวในงวด 4Q64 เช่น CPN, CPALL, CRC, MTC, COM7, SPVI, HMPRO, DOHOME, MAJOR, AOT, MINT
อีกหนึ่งมุมมองจาก บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่าการประกาศเปิดประเทศถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่สามารถคาดหวังผลบวกต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนหรือเศรษฐกิจ อย่างมีนัยะสำคัญเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนมากเป็นอันดับ 1 ที่ 28% ยังเดินทางออกนอกประเทศลำบาก ขณะเดียวกันไทยก็ยังมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการควบคุมโรค โควิด -19
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์อันดับแรกยังคงเป็น AOT แต่ราคาปัจจุบันมีส่วนลดเพียง 11% จากปีก่อนเกิดโรคโควิด -19 ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ค้าปลีก BJC CPALL โรงแรม CENTEL ERW MINT ศูนย์การค้า CPN รถไฟฟ้า BEM BTS ธนาคาร BBL KBANK SCB