ทะเลทรายอิหร่าน ล้มแชมป์หุบเขามรณะในสหรัฐฯ ขึ้นแท่นสถานที่ร้อนสุดบนพื้นโลก
ก่อนหน้านี้ผู้คนจำนวนมากเชื่อกันว่า "หุบเขามรณะ" (Death Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ คือสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิร้อนแรงที่สุดบนพื้นโลกถึง 56.7 องศาเซลเซียส
แต่ผลวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมล่าสุดขององค์การนาซากลับชี้ว่า ทะเลทรายลุตหรือดาชต์เอลุต (Dasht-e Lut) ในประเทศอิหร่าน คือสถานที่ซึ่งครองแชมป์อุณหภูมิพื้นผิวร้อนแรงที่สุดของโลกตัวจริง ด้วยสถิติร้อนเกือบถึงจุดเดือดที่ 80.8 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากทะเลทรายลุตถูกโอบล้อมไว้ด้วยเทือกเขาหลายแนว จนความร้อนถูกกักเก็บสะสมไว้เหนือเนินทรายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่เทือกเขาถูกปกคลุมด้วยหินภูเขาไฟสีดำ
ข้อมูลดาวเทียมล่าสุดดังกล่าวได้จากการติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวใหม่ของนาซา ซึ่งทำให้ทราบว่าระหว่างปี 2002-2019 ทะเลทรายลุตมีอุณหภูมิพื้นผิวขึ้นสูงจนทำลายสถิติโลกหลายครั้ง ทั้งยังพบว่าข้อมูลชุดเก่าได้ประเมินระดับอุณหภูมิของสถานที่แห่งนี้ต่ำไปกว่าความเป็นจริงนับ 10 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ผลวิจัยล่าสุดยังพบว่าทะเลทรายโซโนแรน (Sonoran Desert) ซึ่งอยู่ตรงตะเข็บแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ยังเคยมีอุณหภูมิพื้นผิวขึ้นสูงถึงระดับเดียวกับทะเลทรายลุตเป็นครั้งคราวอีกด้วย แต่ปรากฏการณ์ร้อนแรงนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเท่ากับสถานที่เจ้าของแชมป์ โดยทะเลทรายโซโนแรนนั้นอยู่ในเขตเงาฝนและมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะที่เก็บความร้อนสูงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทีมผู้ทำการศึกษาในครั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่า ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อข้อมูลระดับอุณหภูมิพื้นผิวที่เปลี่ยนแปลงไปในครั้งนี้ด้วยหรือไม่
รายงานวิจัยข้างต้นซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Bulletin of the American Meteorological Society ยังระบุถึงสถานที่หนาวเย็นและมีอุณหภูมิพื้นผิวต่ำที่สุดของโลก โดยทวีปแอนตาร์กติกายังคงครองแชมป์ในหมวดนี้อยู่เช่นเดิม ด้วยอุณหภูมิต่ำสุด -110.9 องศาเซลเซียส
ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นบริเวณที่แทบจะไม่มีแสงแดด หิมะและผืนน้ำแข็งยังสะท้อนแสงอาทิตย์กลับออกนอกชั้นบรรยากาศโลกไปเกือบหมด ระบบความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอยู่ยังทำให้มีลมพัดแรงจนเกิดความหนาวสุดขั้วอีกด้วย