หุ้นดีกว่าอพาร์ตเมนท์? ฟังคำตอบประสบการณ์จริง ดิววีรัฒน์ EP2

แม้จะเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานด้วยเงินก้อนโตในมือ แต่คุณดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ในช่วงวัย 25-27 ปี เขายังไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน ไม่เข้าใจหุ้น ไม่เข้าใจกองทุน และยิ่งไม่เคยคิดจะลงทุนในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ วันนั้นสิ่งเดียวที่เขาคิดออกคือ “อยากมีโรงแรม” เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ กลับพบว่าธุรกิจโรงแรมซับซ้อนเกินไป ต้องดูแล 24 ชั่วโมง มีต้นทุนสูงทั้งเรื่องบุคลากรและบริการที่ไม่มีวันหยุด จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ “อพาร์ตเมนต์” ซึ่งดูเหมือนง่ายกว่า เพราะมีรายได้สม่ำเสมอจากค่าเช่าโดยไม่ต้องบริการรายวัน

คุณดิวเริ่มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นซื้ออพาร์ตเมนต์เงินสด ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ฟังแล้วหลายคนอาจยิ้มตาม… “เพราะอยากมีที่จอดรถตัวเอง” เนื่องจากรถที่ซื้อไว้หลายคัน (ถึงขั้นซื้อวันเดียว 3 คัน!) ต้องจอดอยู่ที่ฟาร์มปลา จึงมองว่าอพาร์ตเมนต์คือที่เก็บรถที่ให้ค่าเช่าด้วย แต่พอเริ่มบริหารไปเรื่อย ๆ กลับพบว่าค่าใช้จ่ายจุกจิกเยอะกว่าที่คิด ทั้งค่าซ่อม ค่าคนดูแล แม่บ้าน และที่สำคัญคือ “อัตราการเช่าที่ไม่เคยเต็ม 100%” อย่างที่คาดไว้ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จริงเฉลี่ยเพียง 5% ต่อปี

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเขาเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ที่ทำให้อพาร์ตเมนต์ได้รับผลกระทบหนัก ทุกตึกเสียหาย และเขาเองก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการฟื้นฟูจนปล่อยเช่าได้ครบทุกยูนิต ขณะเดียวกัน ธุรกิจหลักของเขาอย่าง “การส่งออกปลาสวยงาม” ยังคงต้องทุ่มเวลาเต็มที่ ทำให้อสังหาฯ กลายเป็น “งานเสริมที่เหนื่อยยิ่งกว่างานหลัก”

จุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อคุณดิวเริ่มเปิดใจถาม “พ่อ” ว่าถ้าไม่ใช่อสังหา จะลงทุนอะไรดี? คำตอบจากพ่อคือ “ลงทุนในสิ่งที่เราชอบ แต่ไม่ต้องทำเอง” เช่น ชอบโรงพยาบาลก็ซื้อหุ้นโรงพยาบาล ชอบธนาคารก็ซื้อหุ้นธนาคาร เพราะทุกไตรมาสหรือทุกปี บริษัทเหล่านั้นจะส่งผลตอบแทนมาให้เองโดยที่เราไม่ต้องลงแรง

คุณดิวตัดสินใจขายอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด แม้จะใช้เวลากว่าสองปีในการขาย เพราะขนาดของอาคารค่อนข้างใหญ่และสภาพคล่องต่ำ แต่สุดท้ายก็ได้เงินสดกลับมาลงทุนในหุ้นแทน เขาหันมาจับทางสาย VI (Value Investor) ถือยาว มองหาหุ้นที่เติบโตได้ในระยะยาว และเน้นหุ้นที่ปันผลต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้หวือหวา แต่มั่นคง โดยเน้นหุ้นที่ปันผลสม่ำเสมอ 5-7% ต่อปี และหลีกเลี่ยงการเล่นเก็งกำไรตามกระแส

เขายอมรับว่าไม่มีคำตอบว่าหุ้นดีกว่าอสังหาฯ หรือไม่ เพราะทุกอย่างขึ้นกับความถนัดและ “ดวง” ของแต่ละคน แต่สำหรับตัวเขา หุ้นคือสิ่งที่เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงิน และเปลี่ยนชีวิต จากคนที่เคยซื้อรถโดยไม่ดูของ มาเป็นนักลงทุนที่อ่านงบการเงินย้อนหลัง 5 ปี และลงทุนในธุรกิจที่มั่นคง