รีเซต

รู้จัก 'เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์' ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่

รู้จัก 'เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์' ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่
มติชน
10 พฤษภาคม 2565 ( 15:57 )
115
รู้จัก 'เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์' ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนใหม่

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา “เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์” ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีลูกชายของอดีตผู้นำเผด็จการ “เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส” เข้าป้ายเป็นผู้ชนะด้วยผลการเลือกตั้งสูงถึง 56 เปอร์เซ็น ได้รับคะแนนไปเกือบ 30 ล้านเสียง มากกว่าคู่ท้าชิงอย่าง “เลนนี โรเบรโด” ที่ตามมาในอันดับที่ 2 กว่า 2 เท่า เตรียมที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนต่อไปเกือบที่จะแน่นอนแล้ว

ชัยชนะของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่จะนั่งเป็นผู้นำฟิลิปปินส์แทนที่ “โรดริโก ดูแตร์เต” ที่หมดวาระลง ถูกมองว่าเป็นการเดิมพันของชาวฟิลิปปินส์ที่เลือกตัวแทนจากตระกูลผู้นำที่ที่ฉาวโฉ่มากที่สุดจากผลงานของมาร์กอสผู้พ่อที่เคยครองอำนาจในฟิลิปปินส์กว่า 20 ก่อนถูกโค่นอำนาจลงและต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

โดยชาวฟิลิปปินส์ เชื่อว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประเทศได้ แม้ว่าจะมีเสียงเตือนว่าการกลับมาของครอบครัว “มาร์กอส” อาจทำให้เกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้นและส่งผลให้ประชาธิปไตยในประเทศอ่อนแอลงก็ตาม

การเติบโตบนเส้นทางการเมือง

เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ มีชื่อเล่นว่า “บองบอง” เวลานี้มีอายุ 64 ปี เป็นบุตรชายคนเดียวของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจในฟิลิปินส์ระหว่างปี 2508-2529 หรือเกือบ 21 ปีก่อนจะมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตจนเกิดการลุกฮือของประชาชนและต้องลี้ภัยไปใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา

เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ เติบโตขึ้นในทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในกรุงมะนิลา เดิมมีความฝันอยากเป็นนักบินอวกาศก่อนที่จะเดินตามรอยพ่อในเส้นทางสายการเมือง

มาร์กอส จูเนียร์ เรียนในโรงเรียนประจำประเทศอังกฤษในปี 2515 ในช่วงเวลาที่เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ และกวาดล้างคนเห็นต่างอย่างหนัก

หลังมาร์กอสผู้พ่อถูกโค่นอำนาจและลี้ภัยมาอาศัยในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเสียชีวิตลงในปี 2532 ครอบครัวมาร์กอสได้เดินทางกลับบ้าน โดยนางอิเมลดา มาร์กอส กลับมาเข้าสู่กระบวนการในคดีหลีกเลี่ยงภาษีและการทุจริตแต่ก็ไม่มีใครในตระกูลมาร์กอสต้องถูกจำคุกแต่อย่างใด

มาร์กอส จูเนียร์ อาศัยฐานเสียงของครอบครัวในจังหวัดอีโลกอสนอร์เต ตอนเหนือของประเทศได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดอีโลกอสนอร์เต เคยได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการจังหวัดอีโลกอสนอร์เต และยังเคยได้รับเลือกเข้าสู่วุฒิสภาฟิลิปปินส์ในปี 2553 ด้วย

มาร์กอส จูเนียร์ ลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 แต่พ่ายแพ้ให้กับเลนนี โรเบรโด ไปอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่ในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 จะประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ก่อนจะได้รับแรงหนุนจากการจับมือกับ “ซารา ดูแตร์เต” ลูกสาวของประธานาธิบดีดูแตร์เต ร่วมชิงชัยตำแหน่งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่ชนะเลือกตั้งไปได้แบบถล่มทลายเช่นกัน

เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ นับเป็นนักการเมืองที่ส่งผลให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากที่สุดในการเมืองฟิลิปปินส์ เนื่องจากการเป็นลูกของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ที่เคยปกครองด้วยการกดขี่ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลาหลายปี มีการทุจริตคอรัปชั่น และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

ศูนย์กลางการแบ่งฝักฝ่าย

มาร์กอส จูเนียร์ ชี้แจงเกี่ยวกับการปกครองของพ่อ โดยอ้างถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลภายใต้กฎอัยการศึก โดยมาร์กอส จูเนียร์ระบุว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยประเทศจากคอมมิวนิสต์และกลุ่มมุสลิมที่ก่อความไม่สงบ รวมไปถึงการกล่าวอ้างว่าช่วงเวลานั้นเป็นยุคทองของประเทศที่ปราศจากอาชญากรร อย่างไรก็ตามมาร์กอส จูเนียร์เองก็จะมักไม่พูดถึงข้อกล่าวหาการยักยอกทรัพย์มูลค่ามหาศาล และการบริหารผิดพลาดที่ทำให้ประเทศยากจนลงในภายหลัง

มาร์กอส จูเนียร์ ใช้การประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลบิดเบือนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุน้อยที่ไม่ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการคอรัปชั่นการสังหารฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือการกดขี่ผ่านการปกครองของมาร์กอสผู้พ่อมาก่อน

นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนที่ถ่างกว้างขึ้น รวมถึงการทุจริตคอรัปชั่นที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ตระกูลมาร์กอสจะหมดอำนาจไปแล้วก็ตาม ขณะที่ในการหาเสียงครั้งนี้มาร์กอส จูเนียร์ พยายามกลบความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 โดยหลีกเลี่ยงการร่วมดีเบตกับคู่แข่ง รวมถึงให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

มาร์กอส จูเนียร์ เองก็เจอดราม่าเรื่องข้อกล่าวหาหลีกเลี่ยงภาษีอสังอาริมทรัพย์ รวมถึงการอ้างประวัติการศึกษา โดย มาร์กอส จูเนียร์ อ้างว่าสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งต่อมา มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดได้ยืนยันว่า นายมาร์กอสจูเนียร์ จบเพียงประกาศนียบัตรพิเศษเท่านั้น

สำหรับนโยบายต่างประเทศของนายมาร์กอส จูเนียร์ นั้นยังไม่ชัดเจนนักว่าจะกลับไปสานสัมพันธ์กับพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐอเมริกาให้แน่นแฟ้นขึ้น หรือจะหันหน้าเข้าหาจีนมาขึ้น อย่างที่นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่กำลังจะหมดวาระลงเคยทำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง