รีเซต

สุดทน คนร้ายงัดแงะร้าน เหมือนช๊อปปิ้งฟรี วงจรปิด ติดต่อกัน 6 วัน 4 ร้านสูญทรัพย์กว่า 2 แสนบาท

สุดทน คนร้ายงัดแงะร้าน เหมือนช๊อปปิ้งฟรี วงจรปิด ติดต่อกัน 6 วัน 4 ร้านสูญทรัพย์กว่า 2 แสนบาท
มติชน
17 มกราคม 2565 ( 08:58 )
66

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 16 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง ตลาดนัดนกฮูก เลี่ยงเมืองนนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการร้องเรียนจากนายมีชัย ปัพพานนท์ อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน ออริจินอล เคส by พี่ดิน ว่าถูกคนร้ายขโมยเคสโทรศัพท์มือถือ 240 ชิ้น มูลค่ากว่า 20,000 บาท

 

หลังจากดูกล้องวงจรปิดภายในร้านพบว่า คนร้ายรายนี้ตระเวนก่อเหตุขโมยเคสโทรศพท์มือถือในตลาดนัดนกฮูกมาแล้ว 4 ครั้ง 3 ร้านค้าภายใน 6 วัน รวมความเสียหายทั้ง 3 ร้านสูญทรัพย์สินคิดเป็นเงิน กว่า 250,000 บาท ทำให้เจ้าของร้าน บางรายถึงกับหมดตัว และหวาดผวา ต้องนอนเฝ้าร้าน กลัวว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุซ้ำ

 

ผู้เสียหายทั้ง 3 รายได้แจ้งความไว้ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ แต่เรื่องเงียบไม่มีความคืบหน้าทั้งที่ กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพหน้าคนร้ายได้ชัดเจน อยากวอนให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1ลงมาช่วยเหลือหลังแจ้งตำรวจในท้องที่สภ.รัตนาธิเบศร์ แล้วเรื่องเงียบตามจับคนร้ายไม่ได้สักที ทั้งที่เห็นหน้าคนร้ายในกล้องวงจรปิดชัดเจน ถ้าคนร้ายเข้ามาขโมยอีกครั้งจะรวมตัวกันไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

 

โดยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 15 ม.ค.65 เวลาประมาณ 11.30 น.เห็นคนร้ายเป็นชาย 1 ราย มีรูปร่างผอมสูง หน้าแหลม ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ ได้เดินเข้ามารื้อค้นเคสโทรศัพท์มือถือภายในร้านก่อนจะหยิบเทใส่ถุงพลาสติกสีน้ำเงินแล้วหยิบหนีออกไป

 

สอบถามนายมีชัย กล่าวว่า ช่วงเวลา 11.30 น.คนร้ายได้เข้ามาในตลาดและเปิดผ้าใบส่วนด้านหลังร้านเข้ามารื้อค้นของต่างๆในร้าน เปิดดูของทุกชิ้นทุกอย่าง เหมือนคนร้ายได้ดูลาดเลาร้านมาก่อนจึงรู้ว่าสิ่งของที่ต้องการวางอยู่ตรงนี้ คนร้ายได้เปิดผ้าและหยิบสินค้าบริเวณนี้ใส่ถุงเอาไปกองไว้ข้างร้าน หายไปซักพักนึงประมาณ 5 นาทีคาดว่าน่าจะไปเอารถจยย.เพื่อมาใส่ของ

 

โดยดึงของออกไปทางข้างหลังร้าน ลักษณะคนร้านคาดว่าน่าจะอายุประมาณ 30 กว่าๆ ผิวแทนๆ รูปร่างสูง คนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เคยเข้ามาในตลาดครั้งที่ 4 ครั้งที่ 1 2 และ 3 ก่อเหตุร้านข้างหน้าตลาด ครั้งนี้คือครั้งที่ 4 ที่ร้านของตน ภายใน 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 10 ม.ค. 12 ม.ค. และ 15 ม.ค. ซึ่งเป็นร้านตน ส่วนใหญ่เลือกร้านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เช่น ฟิล์มกล้อง เคสมือถือ ฟิล์มหน้าจอ เป็นร้านอุปกรณ์โทรศัพท์ทั้งหมด จากที่พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่น มูลค่ารวมๆกันประมาณ 2 แสนกว่าบาท

 

นายมีชัย กล่าวว่า ตอนนี้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยกับสินค้าที่เหลือในร้าน ไม่แน่ใจจะเข้ามาเอาอีกเมื่อไหร่ ถ้ามาอีกก็คงหมดตัว คนอยากให้ทางตลาดมีมาตรการดูแลคนเข้า-ออกตลาดให้ดีกว่านี้ เช่น มีรปภ.เพิ่มอีกซัก 1 จุด ปัจจุบันมีจุดเดียวอยู่ทางออกตลาด ทางตลาดไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ตนต้องรับผิดชอบเอง เพียงแต่แนะนำให้นำกล่องมาใส่ให้มิดชิดกว่าเดิม แม้กระทั่งผู้บริหารหรือผู้ดูแลไม่เคยลงมาดูสารทุกข์สุกดิบของเราบ้าง ไม่เคยแม้มามองว่าจุดเกิดเหตุเป็นยังไง ตนกลัวคนร้ายเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก สินค้าที่ร้านมีมูลค่าถ้าคนร้านเอาไปทั้งหมดก็เสียหายหลักแสนคงหมดตัวไม่เหลืออะไรเลย

 

มองว่ามันถี่เกินไปมาก ภายใน 6 วันก่อเหตุจนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดหวาดระแวงกันหมด ตนแจ้งตำรวจที่สภ.รัตนาธิเบศร์แล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังตามสืบคนร้ายมาดำเนินคดี ภาพคนร้ายก็ชัดเจนขนาดนี้น่าจะตามตัวได้ไม่ยาก แต่อ้างว่าอยู่ระหว่างตามตัวอยู่

 

อยากให้พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ลงมาช่วยดูพื้นที่หรือลงมากำชับดูแลคดีนี้ให้หน่อย ทุกคนในตลาดแทบจะมานอนเฝ้าร้านกันกันเองแล้วเพื่อป้องกันข้าวของตัวเองที่สูญหาย ทุกวันนี้พึ่งตัวรวจไม่ได้คงต้องทำใจหันมาพึ่งตัวเอง หลังถูกคนร้ายขโมยของตนนอนไม่หลับเลยเพราะกลัวสินค้าหน้าร้านจะหายอีก ถ้าหายอีกเที่ยวนี้ก็คือหมดไม่เหลืออะไรแล้วคงต้องเปลี่ยนอาชีพใหม่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะกล้องวงจรปิดได้จับภาพใบหน้าของคนร้ายชัดเจนมากจะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง