McMurthy Spéirling ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ผู้ท้าชิงตำแหน่งรถอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก
แมคเมอร์ทรี (McMurtry) บริษัทรถไฟฟ้าสัญชาติอังกฤษ ได้ทดสอบรถสเปียร์ลิง (Spéirling) รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีล้ำไปยิ่งกว่ารถไฟฟ้าคันใด ๆ ที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา โดยรถคันนี้ได้ทำลายสถิติเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระยะเวลาเพียง 1.4 วินาทีเท่านั้น
ว่ากันว่ารถ แมคเมอร์ทรี สเปียร์ลิง (McMurtry Speirling) เปรียบเหมือนร่างจำลองของแบทโมบิล (Batmobile) รถประจำตัวของแบทแมน ซูเปอร์ฮีโรในภาพยนตร์ ด้วยที่นั่งที่เป็นที่นั่งเดี่ยวเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากรถของแบทแมนแน่นอนก็คือน้ำหนักของรถที่อยู่ที่ 1,000 กิโลกรัมเท่านั้น มากับขุมพลังแรงม้าที่ให้มาถึง 1,000 แรงม้า ขณะที่ช่วงล่างเป็นแบบโหลดต่ำ เทน้ำหนักไปด้านหน้าเป็นพิเศษ เนื่องจากรถคันนี้ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยยางขนาด 240 เพียง 2 ล้อ จึงเป็นอธิบายได้ว่า เหตุที่รถต้องเทน้ำหนักไปด้านหน้า ก็เพื่อเหตุผลด้านความสมดุลนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาของรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ที่มักจะมีอาการรถเหินขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง สเปียร์ลิงจึงใช้การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aero Dynamic) ด้วยการเสริมระบบพัดลมดูดอากาศใต้ตัวรถ เพื่อยึดรถให้เกาะกับพื้นไว้ด้วยแรงกดขนาด 2 ตัน ทำให้การเร่งความเร็วยังคงลื่นไหลเหมือนนกบินไปในอากาศ แม้จะมีน้ำหนักรถที่เบาหากเทียบกับแรงม้าที่แบกน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมต่อ 1 แรงม้าเท่านั้น
ที่มาของรูปภาพ McMurtry
ขณะที่รถไฮเปอร์คาร์ เนเวอรา (Nevera) รีมัค (Rimac) ที่เคยเป็นรถโปรดักชันเพียงคันเดียวในท้องตลาด ที่ทำความเร็วในการวิ่งระยะ 402 เมตรได้ในเวลาต่ำกว่า 9 วินาที และทำความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 1.9 วินาที ขณะที่แมคเมอร์ทรี สเปียร์ลิง (McMurtry Speirling) ทำเวลาเหนือกว่าเนเวอราในความเร็ว 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ใช้เวลาเพียง 1.4 วินาที ขณะที่การวิ่งในระยะ 402 เมตร ก็คว้าชัยชนะไปได้ในเวลา 7.97 วินาทีเช่นกัน
ทั้งนี้ รถแมคเมอร์ทรี สเปียร์ลิง (McMurtry Speirling) คันที่ใช้ในการทดสอบ ถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า รถสเปียร์ลิงถูกจำกัดความเร็วไว้ แต่ก็ยังคงมีความเร็วเหนือกว่ารถเนเวอราอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รถที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ เป็นรถรุ่นปรีโปรดักชัน ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตจึงยังไม่สามารถเคลมได้ว่า รถคันนี้เป็นรถที่ผลิตมาใช้งานจริง ๆ และมีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก แต่รถคันนี้จะกลายเป็นพื้นฐานของรถคันที่จะวางจำหน่ายจริง ๆ ซึ่งจะมีน้ำหนักเท่าเดิม กำลังบิดเท่าเดิม และสร้างแรงกดเท่าเดิม ขณะที่ความเร็วสูงสุดอาจจะไม่ถูกจำกัดไว้เพียงเท่านี้ จึงเป็นไปได้ที่รถเวอร์ชันที่ใช้งานจริงจะมีอัตราเร่งที่เร็วกว่านี้ รถคันนี้จึงขึ้นแท่นเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรถที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกนั่นเอง
ที่มาของข้อมูล newatlas
ที่มาของรูปภาพ McMurtry