CNN ชี้ค่าใช้จ่ายเรียนต่อ 'อุดมศึกษา' ในสหรัฐฯ พุ่งทะยาน
นิวยอร์ก, 18 ก.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.ค.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยออมเงินได้ 5,011 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 171,799 บาท) เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องใช้เวลาราว 75 ปี จึงจะเก็บเงินเพียงพอส่งเสียลูกหนึ่งคนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยาลัยมีราคาสูงมากและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ข้อมูลที่รวบรวมโดยนิตยสารยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต ระบุว่าค่าเล่าเรียนเฉลี่ยของวิทยาลัยเอกชนเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 4 เมื่อปีก่อน อยู่ที่ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.37 ล้านบาท) ต่อปี ส่วนค่าเล่าเรียนของวิทยาลัยรัฐบาลในรัฐอยู่ที่ 10,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 359,772 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ต่อปีสำหรับนักศึกษาในรัฐ และร้อยละ 1 ต่อปีสำหรับนักศึกษานอกรัฐ
รายงานเผยว่าค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับที่สูงหรือมีการแข่งขันสูงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดคิดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมนักศึกษาปริญญาตรี 57,246 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.96 ล้านบาท) ต่อปี แต่เมื่อบวกเพิ่มค่าที่อยู่อาศัย อาหาร หนังสือ และค่าครองชีพอื่นๆ มหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่านักศึกษาควรเตรียมชำระเงินราว 95,438 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.27 ล้านบาท) ต่อปี
ด้าน เอดูเคชัน ดาต้า อินิชิเอทีฟ (Education Data Initiative) ทีมวิจัยของสหรัฐฯ พบว่าต้นทุนต่างๆ ไม่ได้อยู่ในระดับดังกล่าวมาตลอด โดยหลังการปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ค่าเล่าเรียนของวิทยาลัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 747.8 นับตั้งแต่ปี 1963
รายงานจากศูนย์การศึกษาและแรงงานของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เผยว่าระหว่างปี 1980-2020 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม ค่าห้องพัก และค่าอาหารของนักศึกษาปริญญาตรี เพิ่มขึ้นร้อยละ 169 ซึ่งมากกว่าการปรับขึ้นค่าแรงอย่างมาก