ท่องเที่ยวไทยปี69ฟื้น ลุ้น“จีน”กลับมาเที่ยว

ก่อนอื่นเรามาดูช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ที่กำลังจะถึง คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ที่ระบุว่า สถานการณ์การเดินทางทางอากาศในช่วงเดือน ธ.ค. 2568มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2568 เป็นต้นมา จำนวนผู้โดยสารรายวันเพิ่มขึ้นทุกวัน สะท้อนความต้องการเดินทางที่สูงขึ้นในช่วงปลายปี และใกล้เทศกาลปีใหม่
สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2568 พบว่า มีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานในประเทศไทยรวม 479,979 คน
แบ่งเป็น ผู้โดยสารภายในประเทศ 208,040 คน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 271,939 คน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันเมื่อปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คาดว่าปริมาณการเดินทางจะสูงสุดในช่วงวันที่ 27 ธ.ค. 2568 และ 4 ม.ค. 2569
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมและ กพท. ยังได้ออกมาตรการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยว และเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยความร่วมมือกับสายการบิน เพิ่มที่นั่ง ลดราคาค่าโดยสาร
โดยได้มีการจัดเที่ยวบินพิเศษ เพื่อเพิ่มที่นั่งรองรับความต้องการเดินทาง รวม 11,312 ที่นั่ง จำนวน 66 เที่ยวบิน ครอบคลุม 6 เส้นทางบินไป–กลับ ได้แก่ กรุงเทพฯ–กระบี่ กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ กรุงเทพฯ–เชียงราย กรุงเทพฯ–ขอนแก่น กรุงเทพฯ–ตรัง และกรุงเทพฯ–สมุย
ด้านนายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า บวท. ได้ลดค่าบริการการเดินอากาศ ร้อยละ 30 ให้สายการบิน สำหรับเที่ยวบินเพิ่มเติมช่วงเทศกาล (Extra Flight) และเที่ยวบินที่มีการให้ส่วนลดค่าโดยสาร (Discount of ceiling fare flight) ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.2568 ถึง 4 ม.ค. 2569
ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้มีการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วงปีใหม่ วันที่ 26 ธ.ค. 2568 – 5 ม.ค. 2569 คาดการณ์ว่าจะมีเที่ยวบิน รวม 30,420 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 2,760 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปี 2567
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการเดินทางช่วงปีใหม่ ทำให้คาดว่าช่วงต้นปี 2569 แนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยจะกลับมาสดใส ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ที่คาดการณ์ว่า ปี 2569 นักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะอยู่ที่ราว 34.1 ล้านคน ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยจากปี 2568 ที่มีแนวโน้มอยู่ที่ราว 32.9 ล้านคน ซึ่งอยู่ในภาวะหดตัวจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก
ทั้งนี้การขยายตัวที่ดีขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นผลจากมาตรการภาครัฐ ที่พยายามเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพอย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน
ส่วนด้าน “นักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย” คาดว่าจะเติบโตราวร้อยละ 2 จาก 277.1 ล้านคน ในปี 2568 มาอยู่ที่ 282.6 ล้านคน ในปี 2569 โดยปัจจัยขับเคลื่อน มาจากการเติบโตจากแรงหนุน ของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ที่คาดว่าจะทยอยออกมาตลอดทั้งปี
ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมยังเดินหน้าต่อเนื่องเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลักและเมืองรองเพื่อให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น
รวมถึงการออกแคมเปญโปรโมตการท่องเที่ยวในหลายเส้นทางทั้งบริการรถโดยสารท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขงเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน และรถไฟท่องเที่ยว อย่าง Kiha, Royal Blossom, STR Prestige และ Blue Jasmine
แต่ทั้งนี้การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งการแข่งขันภายใต้สมรภูมิ Tourism war ที่เข้มข้นผ่านการออกมาตรการเพื่อดึงนักท่องเที่ยวของหลายประเทศ การระมัดระวังการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวของไทย ที่ยังคงรูปแบบเดิมขาดจุดดึงดูดใหม่ๆ อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มเติบโตดีขึ้น และการกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน
แต่การแข่งขันในสมรภูมิ Tourism war ก็มีแนวโน้มเข้มข้นขึ้นด้วยเช่นกันจากการออกมาตรการอย่างต่อเนื่องของหลายประเทศ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาท่องเที่ยวในประเทศ และส่งเสริมให้ประเทศของตนกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ส่วนการท่องเที่ยวในไทย ยังต้องระวังความเปราะบางของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งมีผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของคนไทย
ขณะที่การเดินทางออกต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทย ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย จากมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยในหลายประเทศ และแพ็กเกจท่องเที่ยวต่างประเทศราคาประหยัด ที่ออกมาดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งภาครัฐ และเอกชน มองว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่ “นักท่องเที่ยวจีน” กลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง หลังจากปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยน้อยกว่าที่คาด โดยนางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายฟื้นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปี 2569 ไว้ที่ 6.7 ล้านคน เท่ากับปี 2567
ในขณะที่ นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุว่า ปี 2569 คาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเกือบ 9 ล้านคน เพิ่มเท่าตัวจากปี 2568 ที่คาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย 4.5 ล้านคน
หลังจากเมื่อเดือนพ.ย. 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เยือนจีนอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดเสียงชื่นชมอย่างมากจากชาวจีนบนโลกโซเชี่ยลมีเดีย ส่งผลบวกต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังร่วมงานเทรดโชว์ด้าน การท่องเที่ยว "CITM 2025" ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสร้างความสัมพันธ์อันดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทางระหว่างไทยกับจีน
ขณะเดียวกันยังได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรใหญ่ เช่น แอมเวย์ (Amway) จัดทริป เดินทางเพื่อเป็นรางวัล (อินเซ็นทีฟกรุ๊ป) จำนวน 13,000 คน ทยอยเดินทาง 10 กรุ๊ป กรุ๊ปละ 1,300 คน ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.-ต้นเดือนเม.ย. 2569
อย่างไรก็ตาม แอตต้า ร่วมกับ ททท. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ สมาคมโรงแรมไทย และพันธมิตร ภาคการท่องเที่ยวไทย ประกาศความพร้อมจัดงาน "ไทยแลนด์ ทัวริสซึ่ม แอนด์ ไมซ์ เน็กซ์ 2026"
เพื่อรับกระแสท่องเที่ยวฟื้นตัว มุ่งยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางความ ร่วมมือการท่องเที่ยวโลกที่ปลอดภัยและยั่งยืน ไฮไลต์คือการจับคู่ธุรกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 นัด มีผู้ซื้อและผู้ขายมากกว่า 1,200 รายเข้าร่วม คาดมูลค่าการเจรจาธุรกิจราว 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย ยังได้หนุนให้ “ธุรกิจโรงแรม” ในประเทศเติบโตตามไปด้วย โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 73
สูงขึ้นจากปี 2568 เล็กน้อยที่ร้อยละ 72 ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนทั่วประเทศมีแนวโน้มปรับเพิ่มราว ร้อยละ 5 หลังจากที่หดตัวในปี 2568
โดยแนวโน้มในระยะข้างหน้า คาดว่า ทั้งอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศ และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนจะขยายตัวดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่ยังคงแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม ราคาห้องพักเฉลี่ยยังอาจเผชิญแรงกดดันจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีความระมัดระวังมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
รวมถึงการปรับบริการ และราคาห้องพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้นในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
แต่แม้ การท่องเที่ยวจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากการเติบโตของนักท่องเที่ยว แต่ “ธุรกิจโรงแรม” ยังต้องรับมือกับความท้าทายในระยะข้างหน้า ถึง 5 เรื่อง ได้แก่
1. เศรษฐกิจโลกและไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งจะส่งผลกับการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย
2.Tourism war การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของหลายประเทศในเอเชีย ผ่านการออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีตัวเลือกมากขึ้นในการเลือกแหล่งท่องเที่ยว
3.นโยบายและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่ต้องการความต่อเนื่องในการฟื้นฟูนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมา การเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้น
รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
4.การแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานห้องพักที่เพิ่มขึ้น จากการทยอยเปิดโรงแรมใหม่โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ต และพังงา ที่มีการขออนุญาตก่อสร้างโรงแรมเป็นจำนวนมาก
และ 5.การก้าวเข้าสู่โรงแรมยั่งยืน จากแรงกดดันทั้งนโยบายความยั่งยืนของเชนโรงแรมขนาดใหญ่และ OTA, ข้อกำหนดด้านความยั่งยืนของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2028 และเทรนด์การใส่ใจความยั่งยืนของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
โดย “โรงแรมไทย” ยังต้องสู้แรงกดดัน ปรับกลยุทธ์พร้อมรับมือกับความท้าทายใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.การเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่เติบโตและใช้จ่ายสูง เพื่อขยายตลาดและกระจายความเสี่ยงขยายฐานนักท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้นไม่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
2.การยกระดับบริการและสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ยกระดับการบริการให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล หรือการจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงวิถีท้องถิ่น
และ 3.การปรับกลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความคุ้มค่าให้กับนักท่องเที่ยวผ่านโปรโมชันพิเศษ เช่น สิทธิ Late check-out, เครดิตร้านอาหาร/บริการสปาภายในโรงแรม หรือการอัปเกรดห้องพัก
ทั้งนี้แม้แนวโน้มภาคท่องเที่ยวโดยรวมจะส่งสัญญาณบวกมากขึ้น ทั้งตลาดต่างชาติและตลาดในประเทศ แต่ความท้าทายที่ธุรกิจโรงแรมต้องเผชิญยังคงมีอยู่อีกมาก
ทำให้การปรับตัวต้องทำอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาความสามารถแข่งขันในตลาดที่มีความผันผวนสูง พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ในการสร้างมูลค่าและพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนมากขึ้นในระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
