‘โนเบิล’ ชี้ ‘อสังหาฯ’ ปี 65 เริ่มเห็นแรงบวกมากขึ้น ตั้งเป้ายอดขายแตะ 2.8 หมื่นล้านบาท
ข่าววันนี้ นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2563-2564 เนื่องจากเป็นช่วงการระบาดโควิด-19 แม้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศของคนในประเทศ ที่เริ่มผ่อนคลายความกังวลมากขึ้น ทุกคนจึงมองโควิด-19 เป็นภาพของการคลายตัวลง เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความต้องการ (ดีมานด์) หายไปจากตลาด โดยในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 28,000 ล้านบาท หลังมียอดโอนกรรมสิทธิ์พุ่งถุง 13,000 ล้านบาท รวมโครงการร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เกิน 10,000 ล้านบาท หลังมีรายได้รอรับรู้ (แบคล็อก) รองรับแล้วกว่า 5,700 ล้านบาท
นายธงชัย กล่าวว่า มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 47,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการประเภทแนวราบ 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,800 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูง 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,900 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและรองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ซึ่งการพัฒนาโครงการในแนวราบจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเกือบ 50% ซึ่งมีแผนจะพัฒนาโครงการในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้นเพื่อครอบคลุมทุกความต้องการในทุกมิติของผู้อยู่อาศัยในทุกทิศของกรุงเทพฯ
นายธงชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินให้กับลูกค้า โดยการนำสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) มาใช้ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นและสามารถชำระได้ภายในไตรมาส 2/2565 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ และยังเป็นการสอดรับกับกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่คาดว่าจะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 รวมถึงอยากรอดูความชัดเจนจากผู้กำกับดูแลก่อน อาทิ กรมสรรพากร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะตีความสินทรัพย์ดิจิทัล (ดิจิทัล แอสเซท) ไว้แบบใด ซึ่งในระหว่างนั้น บริษัทฯ จะเตรียมระบบหลังบ้านไว้รองรับสินทรัพย์ทางเลือกเหล่านี้ สำหรับการเพิ่มช่องทางชำระเงินผ่านคริปโทโดยเฉพาะกับลูกค้าต่างชาติ ถือเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ได้ถึง 56% ของยอดขายรวมทุกผู้ประกอบการในการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสำหรับลูกค้าต่างชาติ ตอกย้ำสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยติดอันดับท็อป 5 ในอนาคต