เอกชนรอรัฐคลอดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เปิดไทม์ไลน์-เงื่อนไขชัดเจน
นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะนี้เริ่มมีความหวังมากขึ้นแล้ว เนื่องจากททท.ได้เตรียมนำโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะเพิ่มจำนวนห้องพักอีก 2 ล้านห้อง และขยายเวลาดำเนินโครงการถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่แปลงมาจากเที่ยวไทยวัยเก๋า ซึ่งขณะนี้เอกชนรอความชัดเจนจากรัฐบาลในการออกโครงการกระตุ้นเหล่านี้ มาช่วยฟื้นการเดินทางมากขึ้น ส่วนแนวโน้มเทศกาลสงกรานต์ยังต้องรอประเมินเงื่อนไขของรัฐบาลก่อน ว่าจะอนุญาตเดินทางได้หรือไม่ และเล่นน้ำได้อย่างไรบ้าง โดยประเมินว่าหากสามารถกำหนดให้เล่นน้ำได้ น่าจะมีความคึกคักมากขึ้น
นายธนพล กล่าวว่า การปรับเงื่อนไขใหม่ของเที่ยวไทยวัยเก๋า เปลี่ยนเป็นทัวร์เที่ยวไทย ที่จะครอบคลุมกลุ่มอายุเริ่มตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยรัฐบาลจะสมทบเงินให้กับผู้เข้าร่วมโครงการออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เบื้องต้นประเมินไว้ที่ 5,000 บาท ในมูลค่าการใช้จ่ายระดับ 12,500 บาทขึ้นไป แต่เนื่องจากเงื่อนไขที่ออกมาจริงๆ ยังไม่แน่ใจว่าจะคงยอดเงินอัดฉีดไว้ที่เดิมหรือไม่ จึงยังไม่สามารถประเมินอานิสงส์เชิงบวกหรือเม็ดเงินสะพัดหลังมีโครงการออกมาได้ชัดเท่าที่ควร ซึ่งประเมินว่า เมื่อมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวออกมา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ถือว่าช่วยได้ทั้งนั้น แต่จะมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่อง
“เงื่อนไขของโครงการหรือรูปแบบการกระตุ้นท่องเที่ยว จะมีความเหมาะสมหรือไม่บอกไม่ได้จริงๆ เนื่องจากความชัดเจนของรูปแบบโครงการและงื่อนไขที่ออกมาเบื้องต้น ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากครม. และยังไม่ถูกอนุมัติออกมาแบบกำหนดใช้จริง ซึ่งหากมีการกำหนดวันเวลาในการดดำเนินโครงการ รูปแบบ และเงื่อนไขที่ชัดเจน จึงจะสามารถประเมินได้ว่า จะสร้างแรงบวกให้กับท่องเที่ยวได้มากหรือน้อยเท่าใด” นายธนพล กล่าว
นายธนพล กล่าวว่า สำหรับกำลังซื้อในตอนนี้ ส่วนที่ยัคาดหวังได้มาจากข้าราชการ พนักงานรัฐวิสหกิจเท่านั้น เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับเงินเดือนตรงตามปกติ ส่วนประชาชนทั่วไป กำลังซื้อยังไม่ฟื้นกลับมาเป็นปกติ ซึ่งไม่นับกลุ่มคนที่มีฐานะระดับกลางขึ้นไป เพราะมีสัดส่วนน้อยในจำนวนประชากรรวมของประเทศ โดยกลุ่มที่มีจำนวนมากเป็นกลุ่มแรงงานในภาคบริการและภาคการผลิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ตต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทำให้บางส่วนถูกเลิกจ้าง กลายเป็นผู้ตกงาน รายได้หายไป และยังไม่กลับมา เพราะสถานการณ์ในภาพรวมยังไม่ฟื้น ทั้งภาคธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจ
“หลังจากมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และกระจายฉีดในประเทศแล้วนั้น เบื้องต้นยังใช้เวลานานในการฉีดที่ครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ จึงมองว่าการฟื้นจริงๆ ของท่องเที่ยวอาจไม่ได้เร็วมากนัก ส่งผลกระทบต่อกำลังซซื้อที่จะหดตัวอย่างต่อเนื่องด้วย โดยความหวังขณะนี้อยู่ที่รัฐบาลเท่านั้นจริงๆ เพราะเอกชนไปเองไม่ไหวแล้ว ที่พยายามยืนให้ได้ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็จะยืนได้กันอีกไม่นาน สะท้อนได้จากการปิดธุรกิจของหลายผู้ประกอบการในสายท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ทั้งโรงแรม บริษัททัวร์ ร้านอาหาร นวดสปา กระทบกันไปหมด” นายธนพล กล่าว