MGT เจาะลูกค้าเกรดเอ ดีมานด์ฟื้น-ออเดอร์เข้า
#MGT #ทันหุ้น – MGT ใส่เกียร์ขนสินค้าขายในประเทศ พร้อมเจาะฐานลูกค้าเกรด A+ ชี้สัดส่วนยอดขายทะลุ 50% ด้านบอสใหญ่ “วิทยา อินาลา” เดินเกม ESG ตามเทรนด์ พร้อมลุย Inorganic ควบรวมกิจการยา อาหารเสริม ชี้มูลค่าสูง 300 ล้านบาท
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทจะยังเดินหน้าตามแผน โดยการจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม และเชื่อว่าคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จะมีเข้ามาต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศยังไม่ฟื้นตัว แต่บริษัทรวบรวมข้อมูล ดีมานด์ และการผลิตในประเทศ มาเพื่อบริหารจัดการการนำเข้าเคมีภัณฑ์ ให้เพียงพอต่อออเดอร์ที่คาดจะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้
** เจาะลูกค้าเกรด A
“ปัญหา หรือสงครามการค้าอะไรก็ตามแต่ หากเรารู้ถึงปัญหา และมีข้อมูลก่อน จะทำให้เราบริหารจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งวิกฤติ ยิ่งเป็นโอกาสให้เราเติบโต เพราะเราจะป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการทำงานของเรา” ดร.วิทยา กล่าว
สำหรับฐานลูกค้าของ MGT เป็นลูกค้าระดับบน หรือเกรด A และ A+ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกิน 50% ของพอร์ตการจำหน่ายสินค้า และเชื่อว่าลูกค้าระดับบนจะยังทำการผลิตสินค้าจำหน่าย อีกทั้งสัญญาณการลงทุนจากต่างชาติเห็นชัดขึ้น บริษัทจะเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามแผน และรักษา มาตรฐานเคมีภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ขณะที่ดีมานด์ปัจจุบัน ลูกค้าหลายรายต้องการดำเนินธุรกิจลดโลกร้อน บริษัทจึงสนับสนุนกระบวนการลดโลกร้อน หรือ ESG โดยการลดพลังงานฟอสซิลลง และเตรียมนวัตกรรมกรีนโซลูชันในการให้บริการลูกค้า ส่วน MGT เองก็เดินหน้าธุรกิจ ESG โดยการติดตั้งโซลาร์ในบริษัท เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์นโยบาย ESG
** ควบรวมกิจการ
ดร.วิทยา กล่าวต่อว่า บริษัทวางแผนการเติบโตแบบ Inorganic ผ่านรูปแบบ ควบรวมกิจการ (M&A) บริษัทชาติไทย ที่อยู่ในประเทศไทย และเป็นสิ่งที่ MGT ยังขาดอยู่ โดยปัจจุบัน MGT มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมหลายๆ ด้าน เช่น สุขภาพ ความงาม ยา บริษัทดำเนินงานมาแล้ว แต่ MGT ยังไม่มีเรื่องอาหาร ซึ่งอาหารที่จะลงทุนต้องเกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์ ปัจจุบันอาหารที่บริษัท M&A อยู่ในประเทศไทย มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
นอกจากนี้ MGT ยังมีบริษัทในเครือ ประกอบไปด้วย บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด บริษัท กรีน ลีฟ เคมีคอล จำกัด บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟท์ จำกัด และ บริษัท Megachem (Myanmar) Ltd. โดยทุกๆ บริษัทในเครือมีซัพพลายเออร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทวางกลยุทธ์ และมีเป้าหมายในการหาซัพพลายเออร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน อินเดีย เกาหลี อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนญี่ปุ่นเคยมีซัพพลายเออร์เข้ามาบ้าง แต่ด้วยคุณภาพสินค้าสูง ทำให้ราคาสูงสอดคล้องกันไป
อนึ่ง 3 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 244.61 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 23.04 ล้านบาท