รีเซต

‘อนุทิน’ จ่อขอศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม จับตาตัวเลขหลังสงกรานต์ 2 สัปดาห์จึงวางใจ

‘อนุทิน’ จ่อขอศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม จับตาตัวเลขหลังสงกรานต์ 2 สัปดาห์จึงวางใจ
ข่าวสด
18 เมษายน 2565 ( 11:16 )
45

‘อนุทิน’ จ่อขอศบค.ผ่อนคลายมาตรการโควิดเพิ่ม โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ ให้จับตาตัวเลขหลังสงกรานต์ 2 สัปดาห์จึงจะวางใจ

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับมือสถานการณ์ โควิด-19 หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ว่า ตอนนี้เน้นเรื่อง เวชภัณฑ์ สถานพยาบาล ให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ เราจะให้การดูแลผู้ป่วย ที่จะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล

โดยต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการและเป็นผู้ป่วย 608 และผู้สูงอายุเป็นพิเศษ สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ก็รักษาตามแบบฉบับ ที่ได้ดูแลกันมาโดยตลอด ทั้ง HI เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาล หากไม่มีอาการใดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกินยาฆ่าไวรัส โควิด-19

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า ยาฟาวิพิราเวียยังมีปริมาณเพียงพอ รมว.สธ. กล่าวว่า มีเพียงพอ ตนพูดเสมอว่าเวชภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วง รักษาตามอาการ พยายามรักษาไปตามความรุนแรงของโรค ต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งทางบุคลากรทางการแพทย์และแพทย์มีความพร้อม คณะที่ปรึกษา โควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ยังให้ความเห็นว่า ควรจะเสนอผ่อนคลายมาตรการ ไม่ทำอะไรที่เข้มเกินไป มากเกินไปแต่ต้องผ่าน คณะกรรมการทางวิชาการก่อน ยืนยันว่าแพทย์มีความพร้อม

เมื่อถามถึงกรณีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุข เตือนไปหมดแล้ว และแต่ละจังหวัดก็ต้องมีความรับผิดชอบโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ในเรื่องการปฏิบัติตน ว่าจะทำหรือไม่ทำ ซึ่งทางคณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการทั้ง กรมควบคุมโรค กรมอนามัย

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย.นี้ นั้น คือต้องผ่อนคลาย เพื่อให้ทุกบริบทเดินไปได้ ทั้งเศรษฐกิจ การทำมาหากินและความสะดวกของประชาชน โดยต้องไม่กระทบต่อความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอ คนเดินทางเข้าประเทศไม่ต้องตรวจ RTPCR แต่เปลี่ยนไปเป็น ATK นายอนุทิน กล่าวว่า นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องทำในวันหนึ่ง เรามีความเกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนก จึงอยากให้ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน เมื่อผ่านไปแล้วสถานการณ์ไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถ หรือเกินความคาดหวังคาดคิดของเรา เราต้องหามาตรการผ่อนคลายให้ได้มากยิ่งขึ้น อยากให้ทุกอย่างกลับมาคืนสู่ปกติให้เร็วที่สุด

เมื่อถามถึงแผนที่จะให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 ก.ค.65 ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขปัจจุบันแล้ว ส่งผลกระทบต่อแผนดังกล่าวหรือไม่ รมว.สธ. กล่าวว่า ตัวเลขปัจจุบันเราดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันไป ที่ผ่านมา 3-4 เดือน อัตราส่วนต่างๆเป็นไปตามหลักสากล และยังไม่มีใครประกาศว่าวันที่ 1 ก.ค. จะเป็นโรคประจำถิ่น เราวางแผนไว้ว่าทำได้เร็วก็จะทำให้เร็วตามความจำเป็น

“ของพวกนี้กะเกณฑ์ไม่ได้ แต่ขอไปอย่างหนึ่งว่า ขอให้เรามีความพร้อมในทุกๆด้าน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อมีความพร้อมก็จะประกาศให้เป็นหลัก ส่วนแต่ละจังหวัดก็ต้องมีการกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาว่า ติดเชื้ออย่างไร ตายอย่างไร เวชภัณฑ์เป็นอย่างไร รับการฉีดวัคซีนแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ โดยเราจะพยายามอย่างดีที่สุด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขไม่ได้กลับบ้าน กลับไม่ได้เพราะต้องคอยดูแล ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรครายงานว่า เรื่องของอุบัติเหตุก็ดีกว่าปีก่อน ไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถของการให้บริการรักษาพยาบาล

ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 นั้นเป็นธรรมดา เนื่องจากการสัญจรไปมา คนหมู่มาก มีความใกล้ชิด กันมาก ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้น แต่หากฉีดวัคซีนแล้วเมื่อเป็นโอไมครอนก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเกินความสามารถการสาธารณสุขไทย อย่างไรก็ตาม ต้องดูหลังจากนี้2สัปดาห์จึงจะวางใจได้” นายอนุทิน กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง