นักวิทย์ฯ พบวิธีค้นหาแหล่งก๊าซไฮโดเจนธรรมชาติ ปูทางใช้พลังงานสะอาดแสนปี
นักวิทยาศาสตร์อาจพบวิธีที่ทำให้เราค้นหาแหล่งกักเก็บก๊าซไฮโดรเจนธรรมชาติแล้ว
เรื่องนี้สำคัญ เพราะหมายความว่า มันอาจช่วยให้เรามีพลังงานสะอาดใช้ได้ยาวนานถึง 170,000 ปี
ผลการศึกษานี้ ตีพิมพ์ผ่านวารสาร Nature Reviews Earth and Environment เมื่อไม่นานมานี้
ทีมวิจัย ได้จัดทำรายชื่อส่วนประกอบทางธรณีวิทยา ที่จะช่วยให้สามารถค้นหาแหล่งกักเก็บไฮโดรเจนธรรมชาติขนาดใหญ่ได้ง่ายขึ้น ทำให้เรามีพลังงานสะอาดใช้ไปยาวนานหลายแสนปี
แต่ย้ำว่า นี่ไม่ใช่การค้นพบแหล่งกักเก็บ แต่เป็นการค้นพบวิธีการค้นหาเท่านั้น
ไฮโดรเจนนั้นเป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่มีศักยภาพสูง เพราะเมื่อเผาไหม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย
ปัจจุบัน การผลิตไฮโดรเจนส่วนใหญ่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ก๊าซ ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้ ไม่มากก็น้อย
แต่สำหรับไฮโดรเจนธรรมชาติ มันดีกว่านั้นมาก เพราะเกิดจากธรรมชาติ มาจากพื้นดิน ไม่ก่อมลพิษ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญมาก ที่จะทำให้โลกเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียว และอุดมคติคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
แล้ววิธีการค้นหาแหล่งกักเก็บไฮโดรเจนธรรมชาติ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ไว้อย่างไรบ้าง มันประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน
1. บริเวณนั้น ต้องมีแหล่งกำเนิดไฮโดรเจนได้ เช่น หินบะซอลต์ หรือ หินภูเขาไฟเก่า
2. หินกักเก็บ คือหินในแหล่งนั้นจะต้องมีรูพรุน กักเก็บของเหลว หรือ ก๊าซไว้ได้
3. มีชั้นหินปิดที่ทำหน้าที่เสมือนฝาปิดทางธรรมชาติ เพื่อกักก๊าซไม่ให้รั่วออกจากใต้ดิน
กระบวนการเกิดไฮโดรเจนตามธรรมชาติมีหลายวิธี ถ้าให้อธิบายง่ายสุดก็คือ หินบางชนิด ผลิตไฮโดรเจนได้ เมื่อสัมผัสกับน้ำ
แล้วหากไฮโดรเจนติดอยู่ในหินที่มีรูพรุน และปกคลุมด้วยชั้นหินที่ปิดสนิท ไฮโดรเจนอาจตกค้างอยู่ใต้ดินในปริมาณมากนั่นเอง และนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า แหล่งกักเก็บไฮโดรเจนธรรมชาตินี้ อาจมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
หนึ่งในจุดที่น่าสนใจ อยู่ที่รัฐแคนซัส ของสหรัฐฯ เพราะมีโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า Midcontinent Rift อายุกว่า 1 พันล้านปี ที่ทำมาจากหินบะซอลต์ และเชื่อว่า จะมีแหล่งกักเก็บก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมากอยู่ในนั้น
สำหรับการค้นพบแหล่งกักเก็บไฮโดรเจนขนาดใหญ่ครั้งล่าสุดนั้น คือ ที่เหมืองแห่งหนึ่งในแอลบาเนีย เมื่อปี 2024
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://bgr.com/science/scientists-may-have-found-a-clean-energy-source-hidden-under-the-earth/