HFTล้อมอเตอร์ไซค์อีวียอดพุ่ง เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่เสริม
HFT จ่อรับออเดอร์ผลิตล้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และล้อรถกอล์ฟไฟฟ้าล็อตใหญ่ หนุนยอดขายครึ่งปีหลัง เติบโตดีกว่าช่วงครึ่งแรก แถมรักษามาร์จิ้น 18-22% ลั่นฐานลูกค้าล้อจักรยานยังแข็งแกร่งรอจังหวะเติมสินค้าปีหน้า เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ขยายฐานลูกค้า
นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี 2566 (2H/66) มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2566 (1H/66) ที่ผ่านมา หนุนภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 ทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ราว 3.4 พันล้านบาท แต่แนวโน้มกำไรสุทธิจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2565 ที่ทำได้ราว 361 ล้านบาท หนุนจากการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ดี อาทิ ล้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า, ล้อรถกอล์ฟไฟฟ้า รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก
โดยตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไปบริษัทได้รับคำสั่งซื้อล้อรถมอเตอร์ไซค์ทั้งแบบไม่มียางใน (Tubeless), และแบบที่มียางในล็อตใหญ่จาก “ฮอนด้า” ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงคำสั่งซื้อล้อรถกอล์ฟจากบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เข้ามาหนุนยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เร่งตัวขึ้นแตะสัดส่วนราว 60% ของยอดขายล้อรถจักรยานที่หายไป
“ปัจจุบันผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไม่สามารถนำเข้าล้อจากจีนได้เพราะไม่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ของไทย ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์จึงมุ่งมาสั่งสินค้าของบริษัท อีกทั้งบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ คือ ยามาฮ่าที่สั่งซื้อล้อสำหรับ Yamaha Golf Car ที่ขายทั้งในไทยและส่งขายต่างประเทศ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายทั้งปี 2567 ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็รักษามาร์จิ้นทั้งปีนี้ให้เติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะสินค้ากลุ่มนี้มาร์จิ้นสูง”
*ลดต้นทุนดันมาร์จิ้น
ขณะเดียวกันจำหน่ายยางล้อรถจักรยานในทวีปยุโรปก็ยังทยอยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากการนำรถจักรยานมาเปลี่ยนล้อใหม่ รวมถึงยอดจำหน่ายล้อรถจักรยานใหม่ในกัมพูชาก็เริ่มทยอยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดจำหน่ายล้อรถจักรยานไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์ก็เติบโตได้อย่างโดดเด่น
“ยุโรปแม้จะประหยัดแต่ยอดขายล้อรถจักรยานก็ยังทยอยฟื้นตัว เพราะประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากซื้อล้อใหม่มาเป็นการนำจักรยานมาเปลี่ยนยางล้อแทน ดังนั้นเมื่อคู่ค้าสามารถระบายสต๊อกสินค้าได้ดีต่อเนื่องก็มีแนวโน้มจะกลับมา Restock สินค้าได้ในปีหน้า ส่วนยอดขายในประเทศอื่นก็ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง”
พร้อมกันนี้ บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบล็อตใหม่ที่ปรับลดลงตั้งไตรมาส 2/2566 ควบคู่กับการทยอยติดตั้งแผง โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)บนหลังคาโรงงาน บนหลังคาโรงงาน ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 4.7 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนพลังงานลงได้ราวปีละ 20 - 25 ล้านบาท
*เตรียมขยายฐานธุรกิจ
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายฐานธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับคู่ค้ารัฐวิสาหกิจรายใหญ่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 2567 ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทในอนาคต
“บริษัทอาศัยนำสินค้าจากพันธมิตรไปต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งก็จะเป็นการขยายฐานธุรกิจสร้างรายได้ประจำ กระจายความเสี่ยงสร้างความมั่นคงในระยะยาว เบื้องต้นคาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า”