มุมมอง 3 ฝ่าย สกัดโควิดข้ามแดน-แพร่ไทย
หมายเหตุ – ความเห็นและข้อเสนอของฝ่ายความมั่นคง หอการค้าและกลุ่มสมาคมโรงแรม กรณีสาวไทย 3 ราย ที่หลบหนีเข้าเมืองทางด่านพรมแดนธรรมชาติติดเชื้อโควิดในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จนทำให้เกิดความวิตกถึงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่
พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์
แม่ทัพภาคที่ 3
ตอนนี้แนวชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ในส่วนที่น่าเป็นห่วงคือพื้นที่ชายแดนแนวติดกับชายแดนประเทศเมียนมา เช่น จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ขณะนี้ในส่วนของพื้นที่หลักๆ จุดผ่านแดนถาวร 2 ส่วน คือแม่สอดและแม่สาย ที่มีการระบาดของโควิด-19 ประกอบกับทั้ง 2 พื้นที่มีคนไทยไปทำงานในเมียนมา โดยก่อนหน้านี้มีคนไทยกลับมาบางส่วนแล้ว และมีทำงานบางส่วน ก็ได้แจ้งเตือนแล้วก็รับกลับมาอยู่แล้วในระยะหนึ่ง แต่ว่าในช่วงนั้นในประเทศเมียนมายังไม่ระบาดมากเท่าปัจจุบัน ก็มีกลับมาส่วนหนึ่ง แต่ว่าถ้ามีคนบางส่วนที่ยังคงทำงานอยู่ในเมียนมา แต่ช่วงนี้เกิดการระบาดมากขึ้น ผมคิดว่าประชาชนคงเกิดความหวาดกลัว ที่อาจจะกลัวติดเชื้อต่างๆ ก็มีการลักลอบเข้ามา อยากฝากไว้ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านสามารถเดินทางกลับเข้ามาในช่องทางจุดผ่านแดนถาวรได้อย่างถูกต้องเลย เพียงแต่ว่าเราห่วงเรื่องการติดเชื้อ เมื่อเข้ามาแล้วเราก็ขอให้เข้าสถานกักกันของรัฐทันที โดยรัฐบาลได้จัดเตรียมไว้ในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ อ.แม่สอด เอง หรือว่าที่แม่สาย เป็นสถานที่กักกันที่ต้องกักตัวเพื่อดูอาการ จำนวน 10 วัน เพราะฉะนั้น การที่ไปห่วงกลัวความผิดแล้วไปลักลอบเข้าเมืองในช่องทางที่ไม่ถูกต้องอันนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะเราไม่สามารถควบคุมโรคได้ เราไม่แน่ใจว่าท่านกลับเข้ามามีเชื้อมาด้วยหรือไม่ ถ้าบังเอิญเกิดมีเชื้อเข้าจาก จ.เชียงราย ก็มาแพร่ระบาดในเชียงใหม่ ทำให้สังคมของเราเกิดความวิตก อยากจะฝากสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยว่า คนพวกนี้สามารถกลับเข้ามาได้อย่างถูกต้อง ในช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่ว่าขั้นตอนอาจช้านิดนึง
ส่วนในเส้นทางธรรมชาติที่เราวางแผนสกัดกั้น เพื่อสกัดกั้นชาวต่างชาติที่จะลักลอบเข้ามาเพราะว่าในขณะนี้เราไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศ ส่วนบุคคลในประเทศไม่ต้องกังวลเรื่องโรคติดต่อเราเฝ้าระวัง วางแนวลวดหนาม วางการสกัดกั้น หรือว่าตั้งจุดตรวจด่านตรวจสกัดกั้นคนต่างชาติมาก เป็นคนไทยเราพร้อมรับกลับ แล้วก็ดูแลในเรื่องของอาการติดโรคติดต่ออย่างดี มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขของเราดูแลคนไทยไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อกลับเข้ามาในผืนแผ่นดินไทยแล้วเราดูแลอย่างดี เราได้ติดตามผู้ติดเชื้อได้เกือบทั้งหมด พบมีติดเชื้อบ้าง ไม่ติดบ้าง ฝากบอกกับคนนี้ได้แจ้งเขาไปแล้วว่าให้ติดต่อแจ้งเพื่อนฝั่งนู้นอยากกลับบ้านให้ติดต่อขอข้ามในจุดผ่านแดนถาวรเลย ไม่ต้องไปลักลอบเดินก็เหนื่อยมากพอแล้ว มีรับกลับ ขอให้โพสต์บอก ติดต่อได้ทางโทรศัพท์ หรือติดต่อทางโซเชียลมีเดียก็ดี สามารถรู้ในกรณีที่ไม่ได้รู้ข้อมูลข้อเท็จจริง ผมก็เข้าใจว่าเกิดความวิตกกังวล ในการที่จะลำบากขนาดนี้คิดว่าเราสามารถติดตามผู้ที่ลักลอบเข้ามาได้เกือบทั้งหมด หากอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านน่าจะผ่านเข้ายังจุดผ่านแดนถาวรได้ และก็เข้าระบบบัญชีของเรา
“วันนี้ผมได้สั่งการให้ทาง ผบ.กองกำลังผาเมืองให้เข้มงวดตามจุดผ่อนปรนตามธรรมชาติ พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตรวจตราอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สาย ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อดังกล่าว และในเย็นวันนี้ตนเองก็จะบินไป จ.เชียงใหม่ เพื่อสั่งกำชับหน่วยให้ดูแลสถานการณ์ของการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด”
พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์
ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง
หลังเกิดเหตุกรณีสาวไทยที่ลักลอบข้ามแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติแล้วตรวจพบเชื้อโควิด-19 สั่งเพิ่มกำลัง 80 ชุดปฏิบัติการคุมพื้นที่มากขึ้น โดยเพิ่มความถี่ในแนวชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ ที่เป็นช่องว่างของการลักลอบเข้ามาของบุคคล และสามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที โดยเน้นพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นหลัก เพราะถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงคือ อ.แม่ฟ้าหลวง ที่ติดต่อกับ อ.แม่สาย และ อ.แม่สาย ตลอดแนว เพราะลำน้ำตื้นและแคบ สามารถลอบเดินข้ามเข้ามาได้ง่าย โดยให้กำลังเสริมตลอด 24 ชั่วโมง และต้องคุมให้อยู่ โดยประสานกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ และชุมชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ เร่งประชาสัมพันธ์ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ยังประสานผ่านคณะกรรมการร่วมชายแดน หรือบีบีซี ไทย-เมียนมา ให้ประสานคนไทยที่ยังตกค้างให้แจ้งเดินทางกลับเพื่อรับตัวกลับมาเข้าสถานกักตัว โดยลดโทษการหลบหนีเข้าเมืองให้น้อยลง ทราบว่ามีจำนวนพอสมควรที่ยังตกค้างอยู่ โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ก็จับเพิ่มได้อีก 8 คนแล้วที่ จ.เชียงราย ส่วนเชียงใหม่ไม่น่าห่วงมากนัก มีเพียง 2 จุดคือ บริเวณกิ่วผาวอกและลำน้ำกก ซึ่งเป็นทางเรือที่อาจจะมีการลักลอบเข้ามา แต่เชื่อว่าคุมได้ เพียงเสริมกำลังเข้าไปดูแลเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันเท่านั้น
ผกายมาศ เวียร์รา
รองประธานหอการค้าเชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย
กระแสดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการค้าชายแดนได้พากันส่งออกสินค้าจากฝั่งไทยไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นจำนวนมากกว่าเดิม เพราะหวั่นเกรงว่าจะมีการปิดด่านพรมแดนที่เหลือเพียงจุดเดียว ซึ่งตนเห็นว่าหากผลกระทบถึงขั้นมีการปิดด่านจะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจการค้าชายแดนนับ 10,000 ล้านบาท ไม่ใช่เพียงแค่หลักสิบหรือหลักพันล้านบาท เพราะจะส่งผลในระยะยาว ส่วนสถานการณ์ในท่าขี้เหล็กนั้นได้สอบถามข้อมูลทราบว่า เจ้าหน้าที่มีการดำเนินการควบคุมอย่างเต็มความสามารถ โดยมีมาตรการต่างๆ ออกมามากมาย ทั้งการรักษา การกักดูอาการของกลุ่มเสี่ยง การปิดสถานบันเทิง การปิดร้านค้าต่างๆ หรือแม้แต่การปิดตลาดเช้าที่เป็นหัวใจของการบริโภคของชาวท่าขี้เหล็กตั้งแต่ 10.00 น.เป็นต้นไปด้วย จึงอยากให้ทางการไทยได้พยายามพิจารณาเรื่องนี้ให้ละเอียด
และหากจะมีการดำเนินการใดๆ ขอให้หารือกับทางฝ่ายปกครองและฝ่ายทหารของ จ.ท่าขี้เหล็ก ด้วย เพราะเห็นว่าปัจจุบันทางท้องถิ่นของทั้ง 2 ฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายไทยได้เข้มงวดกวดขันตลอดแนวชายแดน
ละเอียด บุ้งศรีทอง
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน)
ยอดจองล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยว 80% ยังอยู่ ยกเว้น 1-2% ที่มีการโทรศัพท์ติดต่อสอบถามเข้ามายังโรงแรมต่างๆ ว่าขอเลื่อนหรือเปลี่ยนแผนการเดินทางออกไป ถือว่าน้อยมากแต่ก็มี จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าจังหวัดเชียงใหม่มีมาตรการรองรับที่ดีตามมาตรฐาน SHA ในการดูแลคุมเข้มทุกส่วน ขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นและอย่ากังวลใจกับสถานการณ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่คุมเหตุได้เร็วและสามารถที่จะทราบได้ชัดว่าหลังครบระยะฟักตัวจะมีคำตอบให้ตามแนวทาง ขอเพียงทุกคนปฏิบัติตามการควบคุม
สิ่งที่อยากจะขอร้องคือ ประชาชนที่ไม่รู้จริงให้หยุดแพร่ข่าวสารที่ไม่เป็นประโยชน์ เพราะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเมืองท่องเที่ยว
นงเยาว์ เนตรประสิทธิ์
นายกสมาคมสมาพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย
กระแสการติดเชื้อโควิดที่ตรวจพบใน จ.เชียงราย 2 คน ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวมีการยกเลิกการจองที่พักและโปรแกรมท่องเที่ยว แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น อย่างเช่น โรงแรมที่พักมีอยู่กว่า 600 แห่ง มีการแจ้งยกเลิกมาเพียง 10 แห่ง และที่ยกเลิกมีเพียง 1-2 รายเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ที่หลายคนอาจวิตกกังวลไปบ้าง แต่ทางผู้ประกอบการมั่นใจในการดำเนินการป้องกันของทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ที่จะควบคุมและสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา
กรณีของ 2 คน ที่ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ใน จ.เชียงราย นั้น ผู้ติดเชื้อไม่ได้เดินทางไปไหนหรือไปคลุกคลีกับใคร เพียงข้ามแดนและเข้าพบแพทย์ ทำให้ไม่น่าห่วงหรือกังวลใจว่าจะมีการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น คาดว่าหากเกิน 14 วัน หากไม่มีการตรวจพบเพิ่มเติมทุกอย่างก็เป็นปกติ ช่วงนี้การท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวได้ เพียงแค่นักท่องเที่ยวต้องดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และใช้เจลล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งของหรือวัตถุ
ขณะที่ผู้ประกอบการจะมีการดูแลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ แจกหน้ากากอนามัย หรือบริการเจลล้างมือให้กับผู้ใช้บริการเพื่อลดความเสี่ยงให้กับนักท่องเที่ยวอีกทาง ขอให้สบายใจได้